วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][吴邪] 38

 

"38"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: - (瓶邪 ผิงเสีย)


**(a little bit) Spoiler Warning**




เคยมีคนบอกว่าอายุย่างสามสิบปลายๆ เป็นช่วงเวลาสมควรแก่การมีคู่ที่สุด

ด้วยเหตุผลว่า ชีวิตในช่วงอายุนี้เป็นช่วงเวลาที่อะไรๆ เริ่มอยู่ตัวแล้ว ดอกผลของการลงทุนลงแรงสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนหน้าจะเริ่มปรากฏในช่วงอายุนี้ หรือหากใครยังไม่เริ่มลงหลักปักฐานอะไรสักอย่างในชีวิต ก็สมควรใช้เรี่ยวแรงที่ยังมีเริ่มต้นสร้างรากฐานตั้งแต่ตอนนี้ก่อนจะสายเกินไป

เพื่อนรุ่นพี่ของผมที่เป็นขาประจำก๊งเหล้าวงมหา'ลัยซึ่งไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ก็บอกว่าผมควรเริ่มคิดเรื่องการสร้างครอบครัวอย่างจริงจังเสียที เห็นผมไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ ก็พากันชี้หน้าผม บอกว่าไอ้อู๋เสียนี่มันเสือผู้หญิงในคราบละมั่งหนุ่ม เห็นเงียบๆ แบบนี้ แต่แท้จริงอาจควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ตบเข่าฉาด หาว่าเพราะเหตุนี้จึงไม่เคยเปิดตัวสาวไหน และยังไม่ลงเอยกับใครเสียที

แซวกันอย่างครึกครื้น ผมเพียงจิบเหล้าหัวเราะไปตามบรรยากาศ

เพื่อนๆ สมัยเรียนของผมล้วนรู้ว่าผมเป็นคนช่างเลือก ด้วยติดนิสัยคุณชายในตระกูลเก่าแก่ การจะพาหญิงสาวสักคนเข้าบ้านนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่ และจะต้องคัดเลือกหญิงที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด จึงจะคู่ควรแก่การสืบทอดวงศ์สกุล

นานครั้งเข้าหน่อย พอพูดถึงเรื่องนี้ กระแสความคิดในวงเหล้าเริ่มเปลี่ยนไป ยามพูดถึงเพื่อนแต่ละคนที่ทยอยแต่งงานมีครอบครัวกันอย่างรวดเร็ว ตัวผมเองยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เพื่อนก็ชิงโบกไม้โบกมือ บอกให้ผมวางทิฐิคุณชายและธรรมเนียมเก่าแก่รุ่นอากงลง จะสาวไหนก็ลองคบดูไปก่อน ดีไม่ดีอาจได้ลองแอ้มเนียนๆ ถ้าไม่ใช่ค่อยเปลี่ยนคนใหม่ได้

แค่นั้นไม่พอ ยังตบท้ายว่าผมมันไอ้ลูกคุณหนูโพรไฟล์ดี หาเมียไม่ได้ไม่ห่วง ห่วงก็แค่กลัวมีลูกเมียไม่ทันใช้ เห็นพักหลังๆ นี้ผมเป็นสิงห์อมควันดุขึ้นทุกปี พรรคพวกถึงกับเผื่อแผ่ความเป็นห่วงเป็นใย กลัวผมจะต้องซั่มเมียสาวทั้งที่เจาะคอช่วยหายใจ

ผมยังคงไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ บอกเพียงแค่ว่ายังไม่เจอคนที่ใช่สักทีเท่านั้น เพื่อนๆ จึงพากันสรุปกันอย่างเดิม ว่าผมมันไม่ไอ้เสือหิวจอมเจ้าเล่ห์ก็คุณชายช่างเลือก น่ากลัวว่ากว่าจะได้เมียสักคนก็ตอนแก่

อนิจจา พอถึงเวลานัดกินเหล้ากันอีกเพียงไม่กี่ครั้ง เหล่าเพื่อนผู้ชายที่ทยอยแต่งงานแซงหน้าไปก่อนปีละคนสองคน พากันลงเอยด้วยการกลายเป็นพ่อบ้านใจกล้า แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนหนุ่มไฟแรงผู้รักอิสระ กลับต้องดำรงอยู่ใต้โอวาทมนุษย์เมีย ใช้ไฟในวัยหนุ่มหมดไปกับการปั่นจักรยานเข้าออกร้านชำ ซื้อผงซักฟอกและผ้าอนามัยให้เมียในที่สุด

เมื่อนั้นคนที่หัวเราะทีหลังคือตัวผม ฟังเหล่ามิตรสหายอวดโอ่วีรกรรมไม่ทันขาดคำก็โดนเมียจ๋าโทรมาตามก็ตลกดี



ผมเคยอ่านเจอในนิตยสารสุขภาพเมื่อไม่นานมานี้ ผลการสำรวจพบว่า ผู้ชายจะมีเสน่ห์ที่สุดตอนที่อายุราว 34 ปี จากนั้นยังมีเวลาอีกหลายปีกว่าจะดูแก่ลงจนสังเกตได้ แล้วจึงค่อยหยุดดูดีเมื่ออายุล่วง 58 ปีเป็นต้นไป นักแสดงฮอลลีวูดที่ขึ้นแท่นชายหนุ่มที่เซ็กซี่อันดับต้นๆ ของโลกล้วนเป็นหลักฐานยืนยันอย่างดี

นั่นแสดงว่าตัวผมในตอนนี้ยังมีเวลาดูดีอีกไม่น้อย ดังนั้นก็ไม่แปลกอะไรมิใช่หรือ หากผมจะสงวนความหล่อเหลาและเสน่ห์ของชายโสดเอาไว้ให้เป็นที่ริษยาต่อไปอีกสักหน่อย

ชีวิตตอนนี้ผมดีอยู่แล้ว ทุกวันนี้ผมกินอิ่มนอนหลับ มีธุรกิจที่ดี ทำมาค้าขึ้น (หากไม่นับร้านที่หังโจว) มีหน้าตา มีบารมี มีทุกสิ่งที่ทำให้คนหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนที่เพียบพร้อมถึงที่สุด

ซิ่วซิ่วเคยบอกผมว่า ช่วงวัยนี้ของผมเป็นช่วงของการทำคุณต่อส่วนรวม คนที่มีลูกจะต้องอบรมลูก ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มี ส่งต่อสู่ชนรุ่นหลัง เพื่อสร้างประชากรที่ดีของสังคมในอนาคตต่อไป

"แต่พี่อู๋เสียไม่มีลูก ลูกศิษย์ก็ไม่มี หลานก็ไม่มี คุณงามความดีจะถ่ายทอดอะไรก็ไม่มี เกิดเป็นพี่นี่น่าสงสารเหลือเกิน" เธอว่าเช่นนั้น

ผมบอกเธอไปว่าผมมีลูกน้องให้อบรมมากพออยู่แล้ว คิดในใจว่าถ้าจะต้องอบรมสั่งสอน ก็สอนเธอคนแรกนี่แหละ ยัยจิ้งจอกปากร้าย

ซิ่วซิ่วหัวเราะเหมือนรู้ทัน บอกให้ผมระวัง แก่ตัวไปอาจกลายเป็นลุงแก่ขี้ตืดไม่รู้ตัว

จากนั้นบทสนทนาของเราก็จบลงอย่างไม่ค่อยมีประเด็นนัก

ก่อนจะไป ซิ่วซิ่วถามคำถามทิ้งท้าย "ฉันถามพี่จริงๆ พี่อู๋เสียไม่เหงาเลยเหรอ"

"ไม่อะ" ผมส่ายหน้ายืนยัน

"สักนิด?"

"ไม่อะ"

ก็จะให้ทำอย่างไรได้ ต่อให้ผมเหงาขึ้นมาจริงๆ ผมก็ไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครให้มาร่วมหัวจมท้ายกับคนเดนตายอย่างผมอยู่ดี ชีวิตของผมตอนนี้ อยู่เป็นโสดแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว ควรนับเป็นเรื่องดีต่างหาก ที่ชีวิตผมต้องข้องแวะกับเรื่องวุ่นวายมากมายเสียจนไม่มีแม้กระทั่งเวลาสำหรับความเหงา

มีหลายครั้งที่ผมคิดทบทวนคำถามของเธอ ผมลองมองหาตัวอย่างรอบตัว พบว่านอกจากผมแล้วยังมีชายหนุ่มสัญชาติจีนที่ยังเป็นโสดเป็นเพื่อนผมอีกมากมาย

เอาคนใกล้ๆ ตัวก่อน ในครอบครัวผม นอกจากเตี่ยของผมที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับรื่องใต้ดินใดๆ แล้ว อาอีกสองคนของผมก็ยังครองตัวเป็นโสดจวบจนข่าวสารสุดท้ายที่ผมได้ยินได้ฟังมา

นายอ้วนอีก

เสี่ยวฮัวอีก

นายแว่นดำ...ผมไม่แน่ใจ แต่ไม่คิดว่าเขาจะผูกพันกับใครสักคนในเร็วๆ นี้แน่นอน

คิดแบบนี้ผมก็เบาใจลง นี่คงเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ทำอาชีพลงดินกระมัง

ผมชงชาหลงจิ่ง ชาดีของเมืองหังโจว แล้วนั่งลงจิบที่ริมหน้าต่างมองวิวทะเลสาบซีหูจากห้องทำงานด้านบน นี่คือการใช้เวลาในวันหยุดเงียบๆ ของผม

เป็นโสดน่ะดีจะตาย มีชีวิตอิสระ มีวันหยุดเป็นของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตได้เต็มที่โดยไม่ต้องห่วงพะวงคนข้างหลัง

อยากไปไหนก็ไปไม่ต้องรอใคร อยากดูหนังก็เช่าแผ่นเอาก็ได้ (แต่อย่างเถ้าแก่อู๋ ขอให้มีเวลาพอดูหนังเต็มๆ เรื่องได้สักเรื่องก่อนเถอะ) ไปข้างนอกแล้วหาโต๊ะนั่งกินข้าวง่ายกว่าสองคนด้วย

ผมคิดว่าความเป็นอยู่ตอนนี้เหมาะสมดีแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการตัดสินใจของผมเอง

ไม่ใช่เพราะว่าผมหาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าผมช่างเลือก และไม่ใช่เพราะผมเป็นเสือผู้หญิงแต่อย่างใด

ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมอง ในชั่ววินาทีที่พลั้งเผลอใจลอย

หืม? อะไรนะ...

บ้าจริง ผมไม่ได้โสดเพราะกำลังรอใครอยู่สักหน่อยน่า!




+++

END
17/05/2015






Talk Time:

อืมมม เอาที่เถ้าแก่อู๋สบายใจนะ 55555

ตอนต่อ (มั้ง) ของเซตตัวเลขค่ะ ฮือ ไม่ได้เขียนฟิคจริงจังมาสักพักเลยค่ะ หมายถึงแบบที่ไม่กาวเยิ้มหลุดโลก 55555+ ยอมรับเลยว่าภาษาแปลกๆ ไปมาก เขียนไปเขียนมาจะกลายเป็นฟิควิชาการ วิชากาว อยู่แล้ว /_\ (เกือบจะวิชาการ แล้วสุดท้ายก็เป๋ลงถังกาวอยู่ดี)

แง ฮือ ทำไงดี เดดไลน์เล่มที่จะลงงานเต้ามู่เหลืออีกไม่ถึงร้อยวันแล้ว โฮ ร้องไห้หนักมาก

ด้วยรัก จากด้วง M.

ปล. สำหรับเรื่องที่ซิ่วซิ่วพูดถึง หมายถึงอันนี้ค่ะ → อ่านเป็นภาษาไทย อันนี้ภาษาอังกฤษ เราเคยเรียนตอนม.ปลาย ...แต่ไม่ตั้งใจเรียนค่ะ _(:3 」∠)_ ตอนอาจารย์สอนเรานั่งทำอะไรอยู่ไม่รู้ ตอนสอบก็ไปนั่งฟังเพื่อนติวหน้าห้องสอบแล้วซุยเอา กร๊าก พอโตมาแล้วรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไป รู้สึกว่ามีอะไรที่ติดๆ ในหัวที่อยากอยากเอามาแซวอู๋เสีย เลยไปหาอ่านย้อนหลังเอา (เนิร์ดเนอะ)

ว่าไปนั่น ที่จริงก่อนหน้านี้ฟิคเรื่องนี้ชื่อเรื่อง "28" ค่ะ เพราะในใจเราคิดว่าอู๋เสียคงยังติดแหง็กอยู่ในขั้นของช่วงอายุ 28 แน่เลย *ค่อกแค่ก* แต่เดี๋ยวจะแซวไม่มัน เลยเปลี่ยนเป็นอายุจริงดีกว่า /โดนปาที่เขี่ยบุหรี่ใส่

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][小花] Black

 

"Black" (#DMBJdaily)

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: - (小花 เสี่ยวฮัว)



พักนี้เซี่ยอวี่เฉินกำลังมีเรื่องลำบากใจบางอย่างที่ไม่สามารถบอกใครได้

เขาก้มหน้าดูจอโทรศัพท์ มันแสดงสัญลักษณ์ว่ามีสายเรียกเข้าจากโปรแกรมวีแชท พอกดรับก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งเอ่ยทักออกมา

"ฮัลโหล เสี่ยวฮัว นี่ฉันเองนะ"

เสียงที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์นั้นต่างจากตัวจริงเล็กน้อย แต่ถึงไม่ต้องมองชื่อ เซี่ยอวี่เฉินก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร บนโลกนี้มีคนที่เรียกเขาว่าเสี่ยวฮัวอยู่ไม่กี่คน

"หืม ฉันจำไม่ยักได้ว่าเคยรู้จักคนชื่อ 'ฉันเอง' ด้วย" เขาพูดใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงติดจะเนือยเล็กน้อย ได้ยินฝ่ายนั้นหลุดสบถงอแงอยู่สองสามคำก่อนพาบทสนทนาเข้าสู่เป้าหมายที่แท้จริง

และเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ที่เซี่ยอวี่เฉินได้คุยกับผู้ชายคนนี้ เขาได้แต่ตอบรับไปพลางสะกดกลั้นไม่ให้ตัวเองเผลอถอนหายใจออกมาดังๆ

"ชีวิตนายนี่ลำบากจังนะ ก็ได้ อืม นายรอรับอยู่ที่นั่นแล้วกัน ...คร้าบ...คร้าบ ได้ตามนั้น ...นายคิดว่าฉันเป็นใครกันฮึ? จบเรื่องนี้แล้วนายรอรับใบเสร็จพ่วงค่าดอกเบี้ยได้เลย" คุยกันไม่นานก็จบธุระ อีกฝ่ายกดวางสายก่อนจะได้ยินคำอำลาตบท้ายของเขาอีกแล้ว เซี่ยอวี่เฉินเหยียดยิ้มมุมปาก รอยยิ้มซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามอบให้อีกฝ่ายหรือให้ตัวเขาเองกันแน่

อันที่จริงช่วงหลายปีหลัง หากอีกฝ่ายวางสายช้าลงสักสองสามอึดใจ ก็อาจได้ยินคำพูดประมาณ "ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ธุระประเภทนี้นายไปขอร้องคนอื่นแทนเถอะ" ออกจากปากเซี่ยอวี่เฉินไปนานแล้ว

ทุกคนที่รู้จักคุณชายเก้าบ้านเซี่ยต่างคิดว่าเขาเป็นพวกเลือดเย็น สนใจแต่เรื่องผลประโยชน์ ใช้คนเป็นตัวหมาก ลงมือโหดเหี้ยม ไร้ความผูกพันและไร้หัวใจ

เขาเองก็ยอมรับว่าตนคงเป็นคนเช่นนั้นจริง

หากอีกฝ่ายเป็นคนที่สนใจแต่การตักตวงประโยชน์จากเขา ปกติเซี่ยอวี่เฉินต้องจัดการให้มั่นใจไปแล้วว่าพวกเขาสองคนจะไม่มีวันได้พบกันอีก คุณชายเก้าเช่นเขาลงมือกับทุกสิ่งด้วยความเย็นชาเสมอ และเขาก็ควรทำเช่นนั้นกับคนในโทรศัพท์เมื่อครู่ด้วย

...แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ทำ และนั่นก็ไม่เกี่ยวกับที่อีกฝ่ายมักไต่ถามสารทุกข์สุกดิบของเขาท้ายการสนทนาทุกครั้งแต่อย่างใด

เซี่ยอวี่เฉินเคยลองพิจารณาตัวเอง ข้อสันนิษฐานแรกคือนิสัยเปลี่ยนตามอายุที่มากขึ้น ทว่าเมื่อดูจากปฏิกิริยาของคนอื่นที่มีต่อตัวเขาแล้วก็พบว่าไม่ใช่สาเหตุนี้แน่นอน

ในสายตาผู้อื่น คุณชายเก้ายังคงน่าเกรงขามเหมือนเดิม บางคนเห็นเขาอันตรายมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เขาลองใช้หลายวิธีในการหาคำตอบ ล้วนลงเอยอย่างเปล่าประโยชน์ทั้งสิ้น สุดท้ายเซี่ยอวี่เฉินจำต้องยอมรับว่าเขาอ่อนข้อให้ใครบางคนมากเกินไปอยู่คนเดียวจริงๆ

ปู่ของเขาพร่ำสอนลูกหลานเสมอว่าไม่ควรทำอะไรโดยไม่มีแผนสำรอง และเมื่อถึงเวลาที่อาจต้องสละบางสิ่งเพื่อให้แผนสำเร็จก็ห้ามเสียดาย เซี่ยอวี่เฉินเองก็ยึดหลักการนี้มาตลอด ทว่าเพื่อใครคนดังกล่าว มีหลายครั้งที่เขาถึงกับสละตัวเองไปเป็นแผนแรกแล้วให้อีกฝ่ายเป็นแผนสำรอง มาย้อนคิดทีไรก็รู้สึกว่าตัวเองคงบ้าไม่ก็โง่มาก

คุณชายเก้าแห่งบ้านเซี่ยคนปัจจุบันเป็นเจ้าบ้านเซี่ยคนสุดท้ายแล้ว หากเขาตาย บ้านสกุลเซี่ยแห่งเก้าสกุลคงถึงคราวล่มสลายอย่างแท้จริง

...กระนั้นเซี่ยอวี่เฉินก็ยังให้ใครคนดังกล่าวเป็นแผนสำรองของเขาทุกทีไป

เหตุการณ์บนหน้าผาที่เสฉวนปีนั้น คุณชายเก้าเช่นเขาได้ค้นพบตัวปัญหาคนหนึ่ง ทั้งทีรู้แก่ใจว่าเวลาอยู่กับเขา เจ้าตัวต้องคอยดูแลตัวเอง เพราะคนอย่างเจ้าบ้านเซี่ยสามารถปล่อยมือทอดทิ้งผู้อื่นได้เสมอ ไม่คาดคิดว่าเจ้าตัวกลับรับฟังด้วยอาการยอมรับซ้ำยังปฏิบัติกับเขาด้วยความสนิทใจเหมือนเดิม

เซี่ยอวี่เฉินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยอมรับกฎนี้ได้จริงๆ หรือแค่โง่พอจะเชื่อใจเขา

...ทว่าคงเป็นวันนั้นเองที่เจ้าบ้านเซี่ยเริ่มมีความคิดไม่อยากปล่อยมือจากคนตรงหน้า

บนโลกนี้เคยมีคนเรียกเขาว่าเสี่ยวฮัวอยู่บ้าง แต่วันเวลาล่วงเลยจนถึงปัจจุบัน คนที่ยังคงเรียกเขาเช่นนั้นกลับเหลือเพียงคนเดียวแล้ว ทุกครั้งที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาว่าเสี่ยวฮัวเหมือนสมัยก่อน เซี่ยอวี่เฉินถึงค่อยระลึกได้ว่าตัวเองก็เคยใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติกับเขาเหมือนกัน มองในอีกแง่ อีกฝ่ายก็ไม่ต่างจากตัวแทนของชีวิตท่ามกลางแสงสว่างที่เขาถูกบังคับให้ละทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก

"บางทีฉันก็อยากเป็นคนที่นายพยายามแทบตายเพื่อเอื้อมมือคว้าไว้บ้างเหมือนกันนะ" เซี่ยอวี่เฉินพูดกับโทรศัพท์ที่หน้าจอกลายเป็นสีดำไปนานแล้ว

"น่าเสียดาย...เห็นนายขยับมือว่าง ๆ นั่นมาขอความช่วยเหลือตรงหน้าทีไร รู้สึกตัวอีกที ก็ดันกลายเป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายพยายามแทบตายเพื่อคว้ามือนายไว้ รับมือกับนายนี่มันยุ่งยากจริงๆ" เซี่ยอวี่เฉินมองกระจกจอโทรศัพท์ที่กลายเป็นสีดำเพราะปิดพักการทำงานอยู่ เห็นรอยยิ้มตัวเองสะท้อนจางๆ จากบนนั้นอยู่พักใหญ่แล้ว

สำหรับคนไร้หัวใจแบบเขา คำพูดบางคำ ไม่จำเป็นต้องส่งถึงผู้รับ แค่ผู้พูดได้เอ่ยออกมาดังๆ ให้ตัวเองได้ยินก็เพียงพอ





+++

END
05/05/2015





#dmbjdaily 113 days left : Black



Talk Time:

มีความคิดชั่ววูบว่าอยากแต่งพาร์ทเสี่ยวฮัวบ้างค่ะ ตอนแรกว่าจะแต่งแบบพาร์ท Pink ที่เป็นมุมมองเสี่ยวฮัว แต่แค่ขึ้นย่อหน้าที่ 2 ก็หลุดเส้นทางไปไกลแล้วววว โฮฮฮฮฮฮฮ *ร้องไห้หนักมาก*

แน่นอนว่าฟิคด้านบนก็กาวหนักมากเช่นกันค่ะ แฮ่กกกก

เรามองว่าเสี่ยวฮัวให้ความสำคัญกับอู๋เสียยิ่งกว่าความรักหรือเป็นคนที่รัก แบบเดียวกับที่อู๋เสียบอกว่าเข้าใจเสี่ยวฮัวเพราะมีพื้นฐานเดียวกัน เราคิดว่าเสี่ยวฮัวเองก็มองเห็นตัวเองในตัวอู๋เสียเหมือนกัน แต่เป็น 'เสี่ยวฮัว' ที่โตมาแบบเด็กปกติ ไม่ต้องมาคลุกโคลนในโลกเบื้องหลังแห่งนั้น

ตอนเล่ม 8 เราอ่านแล้วรู้สึกว่าเสี่ยวฮัวเสียใจลึกๆ เหมือนกันที่ตัวเองต้องกลายมาเป็นคนแบบนี้ แต่เพราะสายไปที่จะเสียดายแล้ว แถมยังไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นก็ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นคุณชายเก้าแบบในปัจจุบัน ออกแนว 'ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไอ้ที่เป็นมันก็เป็นไปแล้ว คิดมากไปก็เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ ช่างมันเถอะ'

พอได้เจออู๋เสียที่เหมือนจะเป็นร่าง as if ของตัวเอง (ก๊าก) ก็เลยอยากปกป้องขึ้นมา เพราะสมัยก่อนไม่มีความสามารถมากพอก็เลยต้องปล่อยให้ตัวเองตายลงไป ตอนนี้ตัวเองมีความสามารถพอช่วยได้แล้ว ไม่มีใครบังคับให้มาทำอะไรแล้ว เสี่ยวฮัวก็เลยอยากปกป้องความไร้เดียงสานั่นให้ถึงที่สุด ชดเชยกับที่เคยปล่อยมือให้ตัวเองในอดีตตายไปกับมือ อะไรแบบนั้นอะค่ะ โฮฮฮฮฮฮ #เมากาวหนักมาก #มโนหนักมาก


มโนหนักและถังกาว
ด้วง L.



วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][AU][吴邪] RED

 

"RED" (#DMBJdaily)

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) AU Fan-fiction
Pairing: - (瓶邪 ผิงเสีย)


**Warning: แฟนฟิคเรื่องนี้เป็นนิยาย AU (โลกสมมติ) นะคะ**
**เมากาวหนักมาก ควรใช้วิจารณญาณตลอดการรับชม** 




"หลานก็อายุไม่ใช่น้อยแล้ว ก่อนจะทำอะไรคิดไว้แล้วรึยัง" อารองพูดกับผมแบบนั้นตอนเย็นวันหนึ่ง สายตานิ่งเฉยไร้อารมณ์ของเขาทำเอาผมเกือบตัวสั่นด้วยความกลัว

ไม่ยุติธรรม! ทีเวลาแบบนี้ก็มาบอกว่าผมโตแล้ว แต่พอผมอยากไปดูที่ทำงานของอาสาม ทุกคนก็อ้างว่าผมยังไม่โตพอ ตกลงแปดขวบนี่โตรึยังไม่โตกันแน่!

"ขะ ข้างนอกฝนตก บ้านเราก็มีที่ว่างอีกเยอะ ให้มันหลบฝนใช้ที่นิดเดียวเอง เวลาฝนตกทีไร ปู่ยังต้องอุ้มซันชุ่นติงหลบเข้าใต้ร่มเลย" ผมยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งแผ่ว บิดมือบิดเท้าไปด้วย รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง

ฝนตกปรอยๆ ชวนหลับแบบนี้ ทุกทีอารองจะอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ผมจึงกล้าพามันกลับมาบ้าน วางแผนไว้ว่าจะแอบเลี้ยงมันในห้องนอน ถ้ามีคนเข้าห้องก็ให้มันไปแอบในผ้าห่ม รับรองว่าไม่มีใครรู้แน่นอน ใครจะคิดว่าพอเปิดประตูปุ้บ จะเจออารองยืนถือร่มกำลังสวมรองเท้าเสร็จพอดี

กลายเป็นเหตุการณ์ 'โดนจับได้คาหนังคาเขา' แบบในขณะนี้

"รู้รึเปล่าว่าทำแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น" อารองพูดกับผมด้วยน้ำเสียงปราศจากอารมณ์ บรรยากาศชวนให้ตัวสั่นยิ่งกว่าอากาศหน้าหนาวเสียอีก

เขาเห็นผมยืนเม้มปาก ไม่ยอมตอบ อันที่จริงคือผมไม่รู้จะตอบอะไรให้ไม่แย่ลงไปกว่าเดิม ท่ามกลางความเงียบซึ่งแว่วเสียงเม็ดฝนตกกระทบหลังคาเป็นระยะ อารองจึงพูดต่อให้เอง

"หลานพามันกลับบ้าน มันยอมตามกลับมาด้วย แปลว่าตอนนี้มันเป็นโปเกมอนของหลานแล้ว"

หา?

ผมใช้หางตาเหลือบไปมองสัตว์ที่ตัวเองพยายามแอบมันไว้ด้านหลังตั้งแต่เมื่อครู่ ผมแค่เห็นมันยืนทำหน้าตาน่าสงสารตากฝนอยู่ข้างทางก็เลยชวนมันไปยืนหลบฝน มันไม่ยอมขยับ ทำท่าเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกด้วยซ้ำ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามันท่าทางซื่อบื้อดูแลตัวเองไม่ได้ อยู่ข้างนอกตัวเดียวต้องลำบากแน่ จึงทั้งผลักทั้งลากให้มันกลับมาบ้านด้วย

ปู่ยังเก็บหมากลับมาบ้านบ่อยจะตาย ผมก็ต้องทำได้เหมือนกันสิ เลี้ยงรวมๆ กันอาจจะไม่มีใครเอะใจก็ได้!

"แต่ว่า...มันเป็นหมานะฮะอารอง" ผมพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด

"หมาไม่มีเขาหรอกนะเสี่ยวเสีย ไม่มีกีบด้วย แล้วก็ไม่มีหมาที่ไหนมีเกล็ด" ผมได้ยินเสียงอารองถอนหายใจเบาๆ

"แต่ว่ามันทำหน้าตาเหมือนหมาออกนะฮะ" ผมหันหน้าไปดู 'หมา' ด้านหลังอีกที ยิ่งรู้สึกมั่นใจในคำอธิบายของตัวเอง

"...เอาเถอะ เดี๋ยวโตขึ้นหลานก็เข้าใจเอง แต่อย่าให้มันกินเนื้อนะ 'หมา' พันธุ์นี้กินแต่ผักกับหญ้า" อารองถอนหายใจอีกรอบ คราวนี้ผมได้ยินชัดกว่าเดิม เขาล้วงมือหยิบโปเกบอลเปล่าจากเข็มขัดตัวเองให้ผม บอกว่าลูกอื่นไปหาเอาเอง จากนั้นอารองก็เดินกางร่มออกจากบ้านไป

ผมหันไปมองหมาตัวแรกของผม...โปเกมอนตัวแรกของผม อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

คราวนี้ผมก็ไปลุยดันเจี้ยนสุสานกับอาสามได้แล้ว! เหลาหย่างรู้เรื่องนี้จะต้องอิจฉาแน่!




+++

END
03/05/2015





#dmbjdaily 110 days left : Red




Talk Time:

ค่ะ เดลี่ Red แบบ Late ๆ ค่ะ 555555555555555555555555555555 แต่เป็น Red ที่เป็นชื่อตัวเอกของเกม Pocket Monster (Pokémon) ภาคภาษาอังกฤษน่ะค่ะ 55555 (ถ้าเกมภาคออริจินัลภาษาญี่ปุ่น ก็ต้องชื่อซาโตชิเนาะ)

แง แค่อยากแต่งอะ เห็นหัวข้อแล้วมือสั่น อยากแต่งมาก (จริงๆ เริ่มแต่งตั้งแต่คืนแรกแล้ว แต่มันออกนอกเส้นทางไปไกล เลยโละทิ้งหมดแล้วแต่งใหม่ตั้งกะอักษรแรก โฮฮฮ)

ส่วนเมินโหยวผิงที่ไม่ได้ปรากฏในเรื่องแม้แต่ชื่อ ก็กลายเป็นหมามีเขาไปซะแล้ว *กระแอม*


ขอเอาชื่อโปเกมอนของคุณปู่เป็นเดิมพัน
ด้วง L.