วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[Daomu One-shot][瓶邪] you-know-who

 

"you-know-who" (#DMBJdailyquote)

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย



**(a little bit) Spoiler Warning**




...นายน้อยสาม ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น เชื่อว่าที่นั่นก็คงหนีไม่พ้นสภาวะอากาศแปรปรวนทั่วแผ่นดินใหญ่เช่นกัน อย่าลืมทำร่างกายให้อบอุ่น ดูแลสุขภาพด้วย



'...อย่าลืมทำร่างกายให้อบอุ่น ดูแลสุขภาพด้วย' ตอนท้ายของจดหมายจากเสี่ยวฮัวบอกเอาไว้เช่นนั้น

แต่ดูเหมือนคืนนี้ผมจะเผลอนอนดิ้นจนทำผ้าห่มหลุดหายไปเสียแล้ว...

อยู่ที่นี่มีไฟฟ้าให้ใช้จำกัด ยามค่ำคืนมืดมิดไร้แสง ทุกสิ่งรอบตัวกลายเป็นสีดำสนิท

เพราะรู้เช่นนั้นจึงไม่มีความคิดที่จะลืมตาขึ้นมาควานหาผ้าห่ม สิ่งที่ผมทำมีแค่เพียงกอดซุกตัวเอง ขดร่างฝังตัวลึกลงในที่นอนให้แนบชิดที่สุด หวังให้ฟูก ผ้าปูที่นอน หมอน ช่วยป้องกันตัวผมจากลมหนาวที่พัดแทรกเข้ามาในตัวอาคาร

ส่วนอีกคนในบ้าน นายเรือพ่วงตลอดกาลคนนั้น พอตกกลางคืนก็ชอบเดินท่อมๆ ไปในบ้าน นอนบ้างไม่นอนบ้าง บางทีก็เดินออกไปสูดอากาศนับดาวทำตัวอินดี้ไปตามประสาของเขา ด้วยอารามง่วงตอนนั้น ผมไม่คิดสงสัยและไม่คิดจะตามหา ต่อให้เขาหายไป ผมก็ไม่รู้

ผมซุกหน้าลงกับหมอน นึกบ่นในใจ อากาศแปรปรวนจริงๆ ...รู้งี้เชื่อเสี่ยวฮัวดีกว่า คืนพรุ่งนี้จะใส่เสื้อขนเป็ดเข้านอนแม่งให้รู้แล้วรู้รอด

ยังดีที่ร่างกายของผมผ่านการฝึกฝนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก อากาศหนาวแบบนี้ อย่างมากก็แค่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แต่ไม่ถึงกับทรมาน ลองเทียบกับตอนปีนเขาฉางไป๋ซานแต่ละครั้ง หรือตอนที่ต้องนั่งหนาวล่อนจ้อนครั้งล่าสุด ความหนาวแค่นี้ไม่ทำให้เดือดร้อนสักเท่าไหร่

ระหว่างที่กำลังจะหลับต่อนั้นเอง ผมรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของสิ่งสิ่งหนึ่งห่อคลุมลงบนตัวผม ในแวบแรกผมสะดุ้ง แต่พอรู้ว่าเป็นผ้าห่มของตนเองจึงเอามือคว้ากำสุ่มๆ แล้วดึงเข้าหาตัว

มีผ้าห่มอุ่นกว่าไม่มีจริงๆ นั่นละ

ผมไม่คิดอะไรมาก ปล่อยตัวเองให้หลับไป



เมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้า บนตัวผมมีผ้าห่มผืนหนึ่ง ไม่รู้ใครเอามาห่มให้

"เมื่อคืนนายเก็บผ้าห่มมาห่มให้ฉันเหรอ?" ผมหันไปถามคนที่อาศัยอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกัน

เมินโหยวผิงกำลังยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้สนใจผม ผมจึงถามย้ำอีกที

ต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะยอมหันมามองผมอย่างเรียบเฉย เขาไม่ได้ให้คำตอบแก่ผม อันที่จริงเขาไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงใช้สายตามองมาแล้วก็หันหน้ากลับไป ไม่สนใจผมอีก

หากเป็นตัวผมในอดีต คงจะโมโหแล้วตามตื๊อถามจนกว่าจะได้คำตอบ แต่ตัวผมในปัจจุบันทำแค่เพียงถอนหายใจ อยู่กับเมินโหยวผิงมาจนถึงป่านนี้ ผมชินแล้ว เขาจะพูดหรือไม่พูดก็สุดแท้แต่ความปรารถนาของเขา

ที่ริมฝีปากผมกลับมีแต่รอยยิ้มอ่อนอกอ่อนใจ

ผมไม่รู้เล้ย ไม่รู้เลยสักนิด ว่าใครเป็นคนห่มผ้าให้ผม

...ทั้งๆ ที่ในหอดินแห่งนี้ก็เหมือนจะมีกันอยู่แค่เราสองคน


+++

END
03/02/2016



#dmbjdailyquote : 'บนตัวผมมีผ้าห่มผืนหนึ่ง ไม่รู้ใครเอามาห่มให้' (อู๋เสีย) #day201



Talk Time:

สวัสดีค่า~! ไม่ได้เขียนฟิคเต้ามู่มานานมวาก! (← ทำไมเริ่มต้นด้วยทอล์กแบบนี้ทุกที 5555 แต่ละเรื่องเขียนทิ้งช่วงห่างกันเกิ๊น) แถมรอบนี้มาสั้นอีกต่างหาก แต่เดิมเป็นไอเดียที่อยากจะทวีตทิ้งทวีตขว้างแซวเดลี่เล่น แต่พอเอามาพิมพ์แล้วมันไม่จบใน 140 ตัวอักษรเสียที เลยเอามาเวิ่นๆ ไปๆ มาๆ ก็ออกมาเป็นฟิคเรื่องนี้แหละค่ะ

ไม่รู้เหมือนกันว่ายังเขียนออกมาสนุกเหมือนเดิมไหม สารภาพเลยว่าตั้งแต่เห็นสองคนนี้เข้าประตูเงินประตูทองไปแล้ว ก็รู้สึกฟิน เหมือนมโนได้รับการเติมเต็มจนไม่ต้องจิ้นต้องชิปอะไรต่อแล้ว (ฮา) ก็เลยไม่ค่อยได้เขียนฟิคเต้ามู่เท่าไหร่แล้ว ถ้าฟิคเรื่องนี้ทำให้รู้สึกมุมิในหัวใจกับผิงเสียเวอร์ชั่นหลังแต่งงาน (?) ได้บ้างก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ

สำหรับชื่อเรื่องของฟิคเรื่องนี้...ปกติถ้าเป็นเดลี่ธรรมดา (#DMBJdaily) เวลาเราไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไร ก็จะเอาหัวข้อเดลี่อันนั้นมาตั้งชื่อเลย (ยกเว้นโอร๋งฉี่หลิง 5555) พอมาคราวนี้ เป็นกิจกรรม #DMBJdailyquote ซึ่งหัวข้อเป็นโควต (ข้อความ) ที่ยาวมากปุ๊บ เรานึกไม่ออกหนักมาก ว่าควรจะตั้งชื่อว่าอะไรดี เลยโด้ชื่ออังกฤษของ เพลงคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งก็คือ "you-know-who" มาตั้งเป็นชื่อเรื่องค่ะ เนื้อหาก็คอนเซปต์ใกล้เคียงกัน แต่ฟิคเราน่ารักสู้เพลงต้นฉบับไม่ได้ ฮือๆ โฮๆ #เหมือนแค่ชื่อที่เหลือสู้ไม่ได้

รอบนี้เป็นการเล่น #DMBJdailyquote ครั้งแรกของบลอคนี้เลย ขอฝากเนื้อฝากตัว (อีกครั้ง) ด้วยนะคะ ถ้าใครอยากรู้วิธีเล่น เชิญตามไปส่องต่อ ในบอร์ด ค่ะ

ด้วยรัก จากด้วง M.

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][瓶邪] Halloween Ghost Story


"เรื่องผีผีในคืนฮัลโลวีน" (#DMBJdaily)

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย


**Spoiler Warning 817* 






วันนี้เป็นวันฮัลโลวีน

อันที่จริงผมใช้ชีวิตเฉื่อยแฉะจนลืมวันคืนไปแล้ว เป็นนายอ้วนที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร เห็นจากหางตาว่าเมินโหยวผิงทำหน้านิ่งนั่งคีบผักดองเข้าปาก ไม่มีปฏิกริยาอันใดต่อคำนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเขารู้จักวันฮัลโลวีนรึเปล่า จึงหันไปใส่ซับไตเติ้ลให้เขาว่าเป็นวันปล่อยผีของชาติตะวันตก

เมินโหยวผิงแสดงอาการรับรู้ด้วยเสียงอืมในคอ ไม่ชะลอจังหวะกินเลยสักนิด ทำเอาผมคิดเรื่องเพ้อเจ้อขึ้นมาแวบหนึ่ง

...ถ้าเจ้าหมอนี่เป็นแวมไพร์ จะต้องเป็นผีดูดเลือดประเภทที่ตั้งหน้าตั้งตาดูจ๊วบๆ สูบเลือดคนจนตัวแห้งตายคามือ ไม่มีทางเป็นพระเอกแวมไพร์ในหนังรักโรแมนติกประเภทพบรักข้ามเผ่าแน่นอน (ยกเว้นนางเอกจะเป็นมัมมี่หนังเหี่ยว)

"เสียดายที่หมู่บ้านนี้กลมกลืนกับธรรมชาติมากไปหน่อย ไม่งั้นคืนนี้เสี่ยจะพาพวกนายไปปล่อยเนื้อปล่อยตัวฉลองวันฮัลโลวีน" นายอ้วนพูดพลางทำหน้ากรุ้มกริ่ม "ที่ปักกิ่งมีหลายร้านชอบจัดโปรโมชั่นตามเทศกาล ถึงวันฮัลโลวีนทีไร ผีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่เดินเบียดกันจนแทบไม่มีอากาศหายใจ ตื่นเต้นระทึกขวัญยิ่งกว่าลงดินคว่ำกรวยซะอีก"

"อายุนายก็ตั้งขนาดนี้แล้ว ยังอยากไปเบียดเบียนผีสาวพวกนั้นอีกหรือ" ผมส่ายหน้า "ถ้าอยากได้ความตื่นเต้นระทึกขวัญ ลองถามเสี่ยวเกอดูว่าคืนนี้เขาอยากเข้าป่าจับเสือสักตัวไหม นายไปกับเขา รับหน้าที่ยั่วยวนแม่เสือสาว รับรองว่าทั้งตื่นเต้นทั้งระทึกขวัญไม่แพ้กันแน่นอน"

นายอ้วนจุ๊ปาก ตำหนิว่าผมใช้งานเสี่ยวเกอโหดร้ายเกินไป ดึกดื่นค่ำคืนยังกล้ารบกวนผู้อาวุโส ระวังคืนนี้ปู่ผมจะแวะมาเข้าฝันด่า

ริจะขุดสุสาน คุณสมบัติข้อแรกคือกลัวอดตายแต่ไม่กลัวผี ผ่านเรื่องราวต่างๆ รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ แน่นอนว่าคำแซวของนายอ้วนไม่สะเทือนต่อมมโนธรรมของผมแม้แต่นิดเดียว

คืนฮัลโลวีนเช่นนี้ พวกเราก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติ ในหมู่บ้านซึ่งปราศจากกลิ่นอายแปดเปื้อนคาวโลกีย์ของโลกภายนอก

...ซะที่ไหนกัน!

เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลปัดกวาด กระท่อมที่ผมให้คนสร้างไว้ล่วงหน้าจึงมีขนาดไม่ใหญ่อะไร ผู้ชายที่เคยนอนกลางดินกินกลางทรายมาแล้วอย่างพวกเราจึงตกลงแบ่งห้องนอนกันง่ายๆ ห้องหนึ่งยกให้นายอ้วนเอาไว้นอนกรนกลิ้งไปมาคนเดียว ส่วนอีกห้องเป็นของผมกับเมินโหยวผิง

กลางดึกคืนนั้น ผมเพิ่งจะหลับได้สักพักก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเพื่อนร่วมห้องคนเดียวกันนี้เอง

"นั่นนายจะทำอะไร" ผมกวาดตาขึ้นลงมองเมินโหยวผิงที่คุกเข่าทับผ้าห่มผมอยู่

"ทริคออร์ทรีต" เขาตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งหู ผมนอนนิ่งครู่หนึ่งปล่อยให้คำดังกล่าววิ่งทะลวงไปถึงต่อมสติ ...เชี่ย! เมินโหยวผิงพูดภาษาอังกฤษในรอบสิบปี! (คำแรกและคำเดียวที่ผมเคยได้ยินก่อนหน้านี้คือคำสบถที่ขึ้นต้นด้วยเอส)

เมินโหยวผิงเห็นผมนั่งเงียบก็พูดคำเดิมซ้ำอีกรอบ ตาคู่นั้นจ้องผมนิ่งจนน่าขนลุก บทเขาจะดื้อดึงขึ้นมาก็รั้นแบบนี้ ผมไม่มีทางเลือกทั้งยังง่วงจนขี้เกียจจะถามสาเหตุความคึกของเมินโหยวผิง จำใจยอมเล่นทริคออร์ทรีตกับเขาจะได้นอนต่อเสียที

ตามบทที่เคยเห็นบ่อยๆ ในหนังภาพยนตร์ ผมควรตอบทรีตก่อนให้ขนม แต่เขาดันมาเล่นเอาตอนนี้จะให้ผมไปหาขนมจากไหน ยังไม่รวมว่าอยู่ในป่ากันมากว่าสามเดือน เสบียงที่ขนกันมาจากข้างนอกย่อมหมดนานแล้ว แถมผมยังไม่มีนิสัยชอบตุนขนมไว้กินกลางคืนด้วย คิดไปคิดมาก็เหลือคำตอบอยู่แบบเดียว

"ทริค" ผมตอบ เลิกคิ้วมองหน้าเขา เมินโหยวผิงไม่มีทางรู้แน่นอนว่าตราบใดที่เขาไม่ได้อยู่สภาพเดียวกับ 'อาคุน' แบบตอนออกจากประตูสำริด จ้างให้ผมก็ไม่กลัว

หลังได้ยินคำตอบ ผมรู้สึกเหมือนเห็นรอยยิ้มมุมปากจากเจ้าก้อนหินหน้าตาย ก่อนที่ผมจะเอะใจอะไรได้ เมินโหยวผิงก็ขยับตัวดึงผ้าห่มที่ขวางพาดพวกเราอยู่ตวัดขึ้นคลุมตัวเอง แสงจากดวงจันทร์เบี้ยวๆ นอกหน้าต่างสาดทับตัวเขา เปลี่ยนแสงเงาบนใบหน้าเมินโหยวผิงให้ดูลึกลับต่างจากคนที่ผมเคยคุ้น ชายผ้าที่ระคลุมศีรษะคนตรงหน้าดูไปแล้วก็คล้ายวิกผมยาว...

มีวูบหนึ่งที่ผมนึกถึง 'อาคุน' ขึ้นมา

'อาคุน' โน้มตัวลงจ้องผมด้วยดวงตาดำมืดว่างเปล่า ผมยอมรับว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย

"...ที่นายอ้วนลากนายไปซุบซิบเมื่อตอนเย็นคือบอกให้นายเล่นเป็นผีแม่ย่าใส่ฉันเรอะ?"

"เปล่า"

"เปล่าเป็นผีแม่ย่า หรือเปล่าบอกให้แกล้งหลอกฉัน"

"เปล่าเป็นผีแม่ย่า"

ผมพ่นลมหายใจแทนเสียงเฮอะ เมินโหยวผิงก้มตัวลงกระซิบคำตอบข้างหูผม

"ฉันเป็นผีผ้าห่ม"

"..."

เรื่องราวหลังจากนั้นใครก็น่าจะเดาได้ ผมโดนผีผ้าห่มหลอกหลอนทั้งคืน! ไหนใครวะหาว่าผมกล้ารบกวนผู้อาวุโสกลางดึกจะต้องโดนปู่เข้าฝันด่า โลกนี้ไม่มีความผิดข้อหาผู้อาวุโสก่อกวนจนเด็กไม่ได้นอนบ้างเรอะ!

หมู่บ้านแห่งนี้ปราศจากกลิ่นอายคาวโลกีย์...ช่างตรงข้ามกับผมในคืนนี้โดยสิ้นเชิง





+++

END
31/10/2015 





#dmbjdaily 365 days ago : Halloween





Talk Time:

พอคิดว่าขี้เกียจแต่งฟิคฮัลโลวีน รู้สึกตัวอีกทีก็นั่งจิ้มเสร็จไปหนึ่งย่อหน้าแล้วค่ะ...



ฉันหรือเธอที่เผลอกาว
ด้วง L.












วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][瓶邪] 17

 

"17"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย



**Spoiler Warning มีเนื้อหาสปอยล์เล่ม 10 + ภาคหลัง 10 ปี**

**หากอยากอ่านฉบับรวมเล่มได้อรรถรส รบกวนข้ามฟิคนี้ไปก่อนนะคะ**



"นายแก่ขึ้นนะ"

เพราะเมินโหยวผิงปรากฏตัวในสภาพล่อนจ้อน ไม่มีเครื่องนุ่มห่มติดกายเลยสักชิ้น หรือพูดให้ถูกคือ ตอนที่ได้เจอกัน เสื้อผ้าของเขาก็โดนผมเอามาใส่แล้ว การที่เราจะกลับออกไปในสภาพดีๆ พร้อมกันนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย

ผมเองก็ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวไม่ต่างจากเขา ชุดที่เคยมีระหว่างทางก็ถอดทิ้งไปหมดแล้ว คนมีสองคน แต่เสื้อผ้ามีแค่หนึ่งชุด วิธีเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้ คือผมอาจต้องถอดชุดคืนให้เมินโหยวผิง ไม่ถอดบนก็ถอดล่าง เป่ายิ้งฉุบเลือกแบ่งกันอายคนละครึ่ง ออกไปเผชิญสายตาลูกน้องเถ้าแก่อู๋และเสี่ยวฮัวที่เฝ้ารออยู่ด้านนอก ไปรัก ไปฝัน ไปลุย

นายอ้วนบอกว่าเมินโหยวผิงไม่เคยทำเรื่องขายหน้าเพราะเขารักหน้าตาตัวเองที่สุด แต่ผมกลับคิดว่าเพราะหมอนี่ไร้ยางอาย พูดให้สุภาพหน่อยคือ เพราะเขาผ่านผจญอะไรมามากมายเกินกว่าจะสนใจเรื่องพวกนี้

เพราะแม้กระทั่งเมื่อครู่นี้ หลังจากไม่ได้เจอกันนานถึงสิบปี เขาก็ยังเดินโทงๆ มานั่งข้างๆ ผมกับนายอ้วนหน้าตาเฉย ไม่คิดปกปิดเหมือนไม่มีเรื่องใดให้ต้องกระดากอาย

ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่อาย แล้วผมจะอายแทนทำไม ผมตัดสินใจลุกขึ้นหยิบกระเป๋า

"ไปกันเถอะ"

พวกเราก็แค่...ไม่เจอกันนาน

ในเมื่อเมินโหยวผิงอาสาจะอายแทนผม ผมก็จะไม่ทักท้วงใดๆ กะว่าเดินออกไปด้วยกันจนเจอเสี่ยวฮัวแล้วค่อยถามหาเสื้อผ้าสำรองเอาจากเขาคงไม่เป็นเรื่องเสียหายอันใดต่อหน้าตาของจางฉี่หลิงกระมัง

เสียแต่ว่า... ยิ่งเดินต่อไป ผู้ที่รู้สึกกระดากอายขึ้นมากลับเป็นตัวผมเอง

หนึ่งสิบปีเพื่อผม หลายครั้งผมรอดมาได้ก็เพราะเขา แม้กระทั่งเสื้อที่ใส่ตอนนี้ก็เป็นชุดของเขา ผมควรมีความเกรงใจต่อเมินโหยวผิงให้มากกว่านี้หรือเปล่า?

จากที่คิดว่าผมควรใส่เสื้อเพื่อปกปิดรอยแผลของตัวเอง ตอนนี้ผมเริ่มลังเล มือเผลอจับบิดแขนเสื้อด้วยภาวะใจลอย

ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่าเมินโหยวผิงกำลังมองผมอยู่ จึงหันไปเผชิญหน้า พบกับดวงตาคู่ที่คุ้นเคยมองกลับมา

"นายแก่ขึ้น" เขาพูดขึ้นอีกครั้ง "...แต่ยังน่ารักเหมือนเดิม"

นั่นไง...

คนไร้ยางอาย เดาไว้ผิดเสียที่ไหน

ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้เดินโป๊ไปนั่นแหละดีแล้ว



×××


เราสามคนเดินเคียงข้างกัน แขนของผมในเสื้อตัวนอกของเขา เสียดสีโดนลำแขนผอมบางแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเมินโหยวผิงหลายที

พอนานครั้งเข้า ผมเริ่มรู้สึกถึงหลังมือของเราที่แตะโดนกันอย่างไม่ตั้งใจ

นานครั้งเข้า นานครั้งเข้า ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้นเอง มือใหญ่ของเขาก็คว้าจับมือของผมเอาไว้

ฝ่ามือเต็มฝ่ามือ เขาจับมือควงแขนผมอย่างไม่อายใคร

...เอาเถอะ โป๊ก็ไม่เลว แบบนี้ก็เดินกอดได้เต็มๆ แขนดี

ก็เมินโหยวผิงยังไม่อายเลย แล้วผมจะอายทำไมกัน


+++

END
21/08/2015






Talk Time:

ฟิคนี้เป็น Free Paper แจกในงานเต้ามู่โอนลี่ DMBJ Only Event in Thailand เมื่อวันที่ 22.08.2015 ที่ผ่านมาค่ะ เสียงตอบรับดีมาก! *กราบขอบคุณทุกท่านที่รับฟรีเปเปอร์แผ่นน้อยไปอุปการะนะคะ*

ฟรีเปเปอร์หน้าตางี้  

ในฉบับที่พิมพ์แจกไปมีความบกพร่องเยอะอยู่ อย่างน้อยๆ ก็เจอจุดผิดตั้งแต่บรรทัดแรกเลย ในฟรีเปเปอร์บรรทัดแรก เราเขียนว่า "นายแก่ลง" แต่พอเห็นต้นฉบับ 817 ของคุณเบียร์ผู้แปล ที่แปลตอนพิเศษของภาค 2015 ออกมา ใช้คำว่า "แก่ขึ้น" เราก็เหวอ หันไปถามคนรอบตัว ใครๆ ก็บอกว่าสำนวนคำนี้มีแต่แก่ขึ้นนะ ไม่มีใครเขาใช้แก่ลง *กรี๊ดดดดด* ร้องห้ายยย เลยขอแก้ตัวในฉบับลงบลอคแล้วกันค่ะ T 7 T

แต่จริงๆ หลักๆ แล้วฟรีเปเปอร์แผ่นนี้จุดขายอยู่ที่เลย์เอาต์ค่ะ ตั้งใจเลย์เอาต์ให้ดูเป็นเซตเดียวกับเซตตัวเลข "การนับถอยหลังของหัวใจ" ที่อยู่ในรวมเล่มเล่มเก่า 一生 十年 "หนึ่งชีวิต สิบปี" ค่ะ ดูออกกันไหม T v T ถ้าดูไม่ออกก็ไม่เป็นไรค่ะ บอกตรงนี้เลยแล้วกัน ว่าตั้งใจเขียนให้เป็นหนึ่งในเซตนี้ค่ะ (เรื่องอื่นๆ ในเซตที่มีลงในบลอคนี้ ได้แก่ 2015, 364, 18 และ 38 ค่ะ จริงๆ ในเซตมีมากกว่านี้ แต่ขอสงวนไว้ให้แค่สำหรับผู้ที่ซื้อรวมเล่ม 一生 十年 "หนึ่งชีวิต สิบปี" นะคะ)

งานเต้ามู่โอนลี่สนุกมากค่ะ ยังไม่แน่ใจว่าจะมีสติมาเขียนรีพอร์ตไหม 555 ไม่ขอรับปากแล้วกัน แต่บอกได้เต็มปากว่าสนุกมากๆ พีคมากๆ กาวมากๆ ค่ะ ยินดีและดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆ มากมายในงานนี้นะคะ ถึงแม้จะไม่มีฟิคเล่มใหม่ออก (คอมพังจ้ะ 555) แต่ก็มีเพื่อนด้วงแวะเวียนมาทักทายพวกเราเยอะเลย ในงานมีคนถามถึงฟิคเล่มใหม่ด้วย! เอาเป็นว่ามีค่ะ...แต่ยังไม่แน่ใจในกำหนดการ เพราะคอมที่ใช้จัดหน้าหนังสือส่งไปซ่อมที่ศูนย์ตั้งแต่ก่อนงานเต้ามู่สองสัปดาห์ จนตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแจ้งกลับมาเลย /กระซิก

ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่คิดถึงกัน ขอบคุณที่แวะเวียนมาหา เอาของมาฝาก มาเมาธ์มอย มาหยิบฟรีเปเปอร์ ซื้อกู๊ดส์ สติกเกอร์ แก้ว มาคีบลามะ มาเล่นพร๊อบจางลามะทิเบต ฯลฯ ขอบคุณมากเลยค่ะ 22.08.2015 ของเราเป็นวันที่มีความสุขมากๆ เพราะผู้ร่วมงานทุกคน และสต๊าฟ และผู้แปล และบอกอ และผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดตั้งแต่ต้นทาง ขอบคุณแรงแรงงงงง *กอดแน่น*


When I see you again
ด้วยรัก จากด้วง M.

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][瓶邪] ภาพถ่าย


"ภาพถ่าย"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย






วันนี้แดดดีเป็นพิเศษ

ตอนมองลอดหน้าต่างออกไปด้านนอก ในหัวพลันนึกถึงแม่ขึ้นมา

หังโจวในฤดูฝนก็ชุ่มชื้นดีอยู่หรอก ทว่าบรรยากาศที่เหมาะแก่การร่ายกลอนขับกวีแล้วหลับคาหนังสือเช่นนั้น ไม่มีแม่บ้านคนใดชื่นชอบ ดังนั้นวันไหนที่แม่เงยหน้าเห็นท้องฟ้าแบบนี้ ก็จะทิ้งงานในมือทุกอย่าง รีบไปซักผ้าให้ทันตากก่อนแดดหมด

นึกแล้วก็รู้สึกโชคดีที่ผมเกิดเป็นลูกชาย ไม่งั้นตัวเองก็คงถึงวัยต้องบ่นแบบนั้นเช่นกัน

แสงแดดแบบนี้ ท้องฟ้าแบบนี้ ผมเห็นแล้วรู้สึกเพียงว่า ถ้าออกไปถ่ายรูปต้องได้ภาพดีๆ ติดมือกลับมาแน่ ดังนั้นผมจึงหยิบกระเป๋าเงิน ลากเมินโหยวผิงออกไปนอกบ้านพร้อมกล้องถ่ายรูปตัวหนึ่ง

เมินโหยวผิงไม่หือไม่อือ เดินตามมาเงียบๆ ตลอดทางไม่ถามอะไรสักคำ ตอนผมกำลังยืนเช็กภาพในกล้องถ่ายรูปตัวโปรด หางตาเหลือบไปเห็นเมินโหยวผิงกำลังยืนเหม่อ เลยยื่นกล้องไปให้เขาร่วมดูภาพจากหน้าจอด้วย

"นายว่าเป็นไง" ความจริงผมก็ถามไปอย่างนั้นเอง แต่พอเมินโหยวผิงเงยหน้าขึ้นจากจอกล้องดิจิตอลในมือ มองผมนิ่งๆ แล้วเลิกคิ้วหนึ่งที รู้สึกเหมือนกำลังโดนหยามพิกล ผมเลยยัดเยียดกล้องตัวเองใส่มือเมินโหยวผิง บอกว่าอยากลองเห็นภาพจากมุมมองสายตาเขาบ้าง

เมินโหยวผิงจ้องกล้องในมือครู่หนึ่ง ยกขึ้นมาถ่ายส่งๆ หนึ่งแชะ แล้วยื่นกล้องกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

พลันนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองพลาดท่าแล้ว เมื่อครู่ก็แค่พูดเล่นไปแบบนั้นเอง ไม่คิดว่าเขาจะยอมถ่ายจริง เลยไม่ได้ระบุว่าให้ตั้งใจถ่ายด้วย ตอนนี้เขาถ่ายเสร็จตามคำขอผมแล้ว จะไปเพิ่มเงื่อนไขทีหลังก็สายเกินไป รู้สึกเสียใจนัก

พอเปิดเช็กภาพแล้วก็ได้แต่เหงื่อตก เพราะเมื่อครู่โดนเมินโหยวผิงยกกล้องถ่ายในระยะประชิด ไม่ทันตั้งตัว ภาพที่ปรากฏจึงเป็นภาพซูมใบหน้าตัวผมเอง กำลังทำสีหน้าเป๋อเหลอ ดูไม่จืดจริงๆ

"อันที่จริงนายแบบในภาพเป็นคนหน้าตาไม่เลว นายถ่ายภาพเขาออกมาเป็นแบบนี้ได้ แปลว่าฝีมือนายห่วยมาก" เมินโหยวผิงไม่ตอบ ผมจึงพูดต่อ "ฉันจะสอนนายถ่ายรูป ตอนไปเที่ยวด้วยกันคราวหน้าฉันจะได้มีภาพตัวเองบ้าง"

เมินโหยวผิงไม่ปฏิเสธแปลว่าเขาอนุญาต (หรืออย่างน้อยก็อนุญาตผมคนเดียว ในฐานะสิ่งเกี่ยวโยงเดียวของเขาต่อโลกใบนี้ ผมก็ควรมีสิทธิพิเศษสักอย่างสองอย่างบ้างล่ะ) ผมสอนเขาถึงวิธีจับกล้อง ระยะโฟกัส หน้าชัดหลังเบลอ การใช้รูวัดแสง วิธีเล็งคอมโพสสิ่งที่ถ่าย พูดจนเมื่อยปากอยู่ครึ่งวัน ภาพที่เขาถ่ายก็ยังออกมาพิลึกจนผมสงสารกล้องตัวเอง

"พอเถอะ ฉันยอมแพ้แล้ว อีกประเดี๋ยวแดดจะหมดซะก่อน นายไปยืนเหม่อเฉยๆ ตรงโน้นเลยไป"

ผมยกกล้องขึ้นถ่ายต่อ เร่งแข่งเวลากับแสงอาทิตย์ เมินโหยวผิงที่ปรากฏในวิวไฟน์เดอร์ดันยิ้มกว้างแข่งกับพระอาทิตย์ด้านบนซะได้





+++

END
20/08/2015 




#dmbjdaily : 七夕节 (เทศกาลวันที่ 7 เดือน 7)
ไม่มีเดลี่แล้ว แง 55555 หัวข้อย้อนหลังมันมีอันนี้มั้ยนะ เดี๋ยวกลับไปคุ้ยก่อนจะทำเนียนๆ แก้หัวข้อยัดไป /ถุย!



Talk Time:


ความจริงธีม Qixi มันต้องท้องฟ้ากลางคืนของคู่รัก แต่พวกเขาพบกันแล้ว ดังนั้นกลางวันก็ยังเจอกันได้...แต่ไม่ใช่เหตุผลที่แปะฟิคนี้ค่ะ 5555555555

จริงๆ คืออยากแปะฟิคฉลอง Qixi แต่ไม่มีเวลาแล้ว เลยเอาอันที่เพิ่งแต่งวันก่อนแปะไปก่อน *ร้องห้าย* มันก็พอจะแถได้อยู่น่า...แถได้สิ...

ด้านบนเป็นฟิคที่แต่งขึ้นเพราะภาพถ่ายเมื่อ 817 (วันที่ 17 เดือน 8) ที่ทีมนักแสดงละครเวทีของเต้ามู่ฯ (แน่นอนว่าเป็นละครเวทีที่จัดในจีนแผ่นดินใหญ่ค่ะ) ยกพลไปจัดการแสดงรอบพิเศษที่ฉางไป๋ซานตั้งแต่วันที่ 15 - 16/08/2015 (จริงๆ จัดที่เมืองฉางชุน ใกล้ๆ ฉางไป๋ซาน ติดตามข้อมูลได้ในทวิตของ @dmbjdaily)

พอแสดงเสร็จนักแสดงทั้งกลุ่มก็ยกทีมกันขึ้นเขาฉางไป๋ซานด้วย

เห็นสต๊าฟ dmbjdaily บอกว่าทาง Sony เป็นสปอนเซอร์ให้ซูหัง (คนเล่นบทเสี่ยวเกอ) กับตู้กวงอี (คนเล่นบทอู๋เสีย) เอากล้องไปถ่ายวิวบนเขาด้วย สองคนนี้ก็เลือกกล้องไปคนละรุ่นกัน

ผลออกมาคือภาพจากกล้องของตู้กวงอีสวยมาก แต่ภาพจากกล้องของซูหังนั้น... 55555555+

ทีมกาวบุไต (บุไต = ย่อจากศัพท์ญี่ปุ่นคำว่า ละครเวที/Stage play) ในทวิตเตอร์ก็เลยออกมาแซวกันเรื่องอู๋เสียเวอร์ชั่นอาจารย์กวนเกินจะจับเสี่ยวเกอหัดใช้กล้องถ่ายรูป

ไปๆ มาๆ เราก็โดนกาวป้ายด้วย ...ก็เลยกลายเป็นฟิคนี้ เพราะซูหังพกปลาหมึกไปถ่ายรูปด้วยค่ะ (มันเกี่ยวข้องกันตรงไหนยังไงวะ 555555555555)


ปล. งานเต้ามู่โอนลี่ 16/08/2015 ของประเทศเรา เลื่อนไปเป็นวันเสาร์ที่ 22/08/2015 นะคะ 

อย่าไปผิดวันนะคะ ; v ;




แบบหนังสือเป็น #ทีมอู๋เสีย, แต่บุไตเป็น #ทีมซูหัง
ด้วง L.

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][瓶邪] Take me home

 

"Take me home" (#DMBJdaily)

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)



**Spoiler Warning มีเนื้อหาสปอยล์เล่ม 10 + ภาคหลัง 10 ปี**

**หากอยากอ่านฉบับรวมเล่มได้อรรถรส รบกวนข้ามฟิคนี้ไปก่อนนะคะ**


 




"ฉันมีของไม่มาก" เมินโหยวผิงแบ่งสัมภาระไปจากมือผม นายอ้วนส่งเสียงเห็นด้วย บอกว่าคนบาดเจ็บสมควรเดินตัวเปล่า เขาติดอยู่ข้างในนาน ให้ออกแรงบ้างก็เหมาะสมแล้ว

"นายไม่มีสักอย่างมากกว่า" ตอนแยกกันวันนั้น เขายังมีกระเป๋าอยู่ใบหนึ่ง ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว ไม่รู้เปื่อยจมกองขี้นกอยู่ซอกไหน

พอผมพูดกลับไปแบบนั้น นายอ้วนก็บอกว่าเป็นเพราะผมเองนั่นล่ะที่เป็นคนทำเสี่ยวเกอจนไม่มีแม้กางเกงจะใส่ ควรถอดส่งคืนให้เจ้าของได้แล้ว

"ของไม่สำคัญ ไม่มีไม่เป็นไร" เมินโหยวผิงเอ่ยขัดขึ้นมา มองหน้าผม "ของสำคัญอยู่ครบแล้ว"

นายอ้วนหัวเราะ ใช้ปลายศอกสะกิดผมระหว่างพูดกับเมินโหยวผิงว่า "หมายถึงพวกเรา หรือหมายถึงชุดของนายบนตัวเขา"

"ทุกสิ่งที่ฉันถือครองไว้ วางได้ทุกชิ้น ยกเว้นเรื่องของพวกนาย" เมินโหยวผิงอมยิ้ม มองผมแล้วพูดว่า "ฉันมีของไม่มาก ทุกชิ้นที่มี นายอยากได้ชิ้นไหนก็เอาไป"

ผมเริ่มได้ใจ กำลังจะพูดว่างั้นขอจางฉี่หลิงมาไว้ที่บ้านสักคนแล้วกัน เขาก็ดันพูดตัดหน้าออกมาก่อน

"เอาไปได้ทุกชิ้น ยกเว้น 'เทียนเจินอู๋เสีย' ชิ้นนี้สำคัญที่สุด ให้ใครไม่ได้"



...แม่งเอ๊ย!



ไม่ได้พูดกับคนอื่นมาสิบปี พูดทีก็ทำเอาคนอื่นอายไปสิบปี คนแซ่จางเป็นตัวอันตรายจริงๆ

แต่เอาเถอะ กลับถึงบ้านแล้วค่อยว่ากัน






+++

END
17/08/2015 



#dmbjdaily the waiting is over : 带我回家 (Take me home) 



Talk Time:


"สิบปีแล้ว"

"พวกเราก็แค่...ไม่ได้เจอกันนาน"



ด้วง L.