วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][瓶邪] 364

 

"364"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)


**Spoiler Warning**




เครื่องยนต์ลั่นสั่นเป็นจังหวะ รถจี๊ปแล่นไปบนเส้นทางขรุขระส่งเสียงดังกระหึ่ม ผมที่ผล็อยหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยเสียงแจ้งเตือนสั้นๆ จากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อโค้ต

ผมขยับนั่งตัวตรง ขยี้ตาแล้วเลื่อนนิ้วแตะหน้าจอดู สิ่งที่เห็นบนหน้าจอมือถือคือปฏิทินที่ผมตั้งเวลาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้ใหม่ๆ

หน้าจอบอกเวลาและวันที่ของวันนี้ บอกการแจ้งเตือนรายปีที่ผมเว้นช่องระบุชื่อเหตุการณ์เอาไว้ ไม่ได้ใส่ข้อความอะไร แต่ก็ตั้งให้ระบบแจ้งเตือนทุกๆ ปีที่วันนี้เวียนมาถึง

ผมถือค้างไว้เช่นนั้น จ้องมองหน้าจอปฏิทินเดือนแปดว่างเปล่า เวลาเช่นนี้ผมไม่รู้จะคิดอะไร ช่วงนี้มีภาระหน้าที่วุ่นวายให้คิดเยอะแยะเกินไปจนแทบจะหลงลืมเรื่องของตัวเอง แต่ครั้นจะเปิดดูแล้วกดปิดไปโดยไม่สละเวลาใส่ใจเลยสักนิด ผมคงรู้สึกแย่กับตัวเองยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำได้แค่ถือไว้และมองมันนิ่งๆ

เห็นปฏิทินว่างๆ แล้วความคิดก็เริ่มเข้ามา นึกถึงตัวเองเมื่อปีก่อน ปีก่อนหน้า และปีก่อนหน้านั้นไปอีก เวลาที่เผลอผมมักชอบหันไปมองปฏิทิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าเดือนนี้ ผมจะเผลอมองถี่ยิ่งขึ้น มองตารางตัวเลข มองขีดกากบาทที่ตัวเองทำด้วยปากกาหัวเคมีต่อเรียงแถวเพิ่มขึ้นทีละนิด บางครั้งก็ขีดพลาดจนมีรอยดำติดนิ้วมือให้มองแทนอยู่เหมือนกัน ช่วงไหนที่ผมออกข้างนอก เมื่อผมกลับมา ผมจะมานั่งกาปฏิทินย้อนหลังจนเป็นวันที่ปัจจุบัน เมื่อครบปีผมก็โยนปฏิทินนั้นทิ้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไปทำไม แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ผมลดความฟุ้งซ่านลงได้บ้าง

นายอ้วนบอกว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของผมเหมือนเด็กสาวมอปลายนั่งกาปฏิทิน ผมไม่เถียง แต่นายอ้วนเองก็ทำตัวเป็นเพื่อนสาวมอปลายด้วยเช่นกัน

ทุกๆ ปีเขาจะโทร.มาหาผม ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระจิปาถะเป็นเพื่อนทั้งวัน แม้บางปีที่ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องให้คุยเท่าไหร่ เขาก็ยังอุตส่าห์สรรหาเรื่องโน่นนี่นั่นมาคุยจนได้ เล่าเรื่องการผจญภัยของตัวเองบ้าง เล่าเรื่องผู้คนในวงการบ้าง พร้อมบอกว่ามีคนไหนบ้างที่ผมควรเฝ้าระวัง บางปีเขาอยู่บนเขาบนดอย ก็ยังจะเสียเงินโทร.มาหาผมถึงที่ ผมล่ะนับถือในสกิลพ่อค้าเจ้าสำราญภาคสาวมอปลายของเขาจริงๆ

มีครั้งหนึ่ง เขาถึงกับบอกว่าถ้าผมอยากคุยเรื่องน้องเสี่ยวเกอเขาก็จะคุย แต่ถ้าผมไม่อยากพูดถึงเสี่ยวเกอ เขาก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เด็ดขาด ผมบอกเขาว่าไม่เป็นไร ผมเข้มแข็งกว่าที่เขาคิด หัวข้อของปีนั้นจึงกลายเป็นการเม้าธ์เสี่ยวเกอลับหลังร่วมกันจนข้ามวันข้ามคืนแทน...ใครว่าผู้ชายไม่ขี้เม้าธ์กันวะ

เมื่อวางสาย ผมจึงมานั่งคิด นายอ้วนมองผมเป็นอย่างไร สภาพจิตใจผมต้องผุพังถึงเพียงไหน ถึงจะทำให้คนที่ไม่ได้ตัวติดกันเป็นตังเมสามหนุ่มสามมุมเช่นเมื่อก่อนแล้วอย่างนายอ้วน รับรู้ว่าผมกำลังอ่อนแอภายในการพูดคุยไม่กี่ครั้ง? ผมไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าผมต้องการใครสักคนที่เข้าใจสถานการณ์มาอยู่เป็นเพื่อน อย่างน้อยก็ช่วยเฝ้ามองผมข้ามผ่านวันนี้ไปด้วยกันจากที่ไกลๆ ก็ยังดี

ในเรื่องนี้ผมต้องขอบคุณนายอ้วนด้วยซ้ำ ที่เลือกมองว่าผมเป็นสาวมอปลาย แทนที่จะมองว่าผมเป็นชายหนุ่มซึมเศร้าวิกลจริตไปเสียก่อน

แต่นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว พอนานปีเข้า จิตใจก็เริ่มเข้มแข็ง หรือพูดให้ถูกคือด้านชา มันคือการรอคอยจนลืมไปแล้วว่ากำลังรอคอย ห้วงเวลาที่ต้องรอมีมากเกินไป จนผมเริ่มจะปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ในมวลอากาศอึมครึมเช่นนั้นได้เป็นปกติ

ผมคิดในบางครั้ง ว่าหากเมื่อตอนนั้นที่ผมต้องรอคอยหมอนั่นกับเหวินจิ่นที่หน้ารูอุกกาบาตในถ่ามู่ถัว หากผมต้องคอยเป็นระยะเวลายาวนานเช่นนี้ ผมอาจปรับตัวและยอมรับผลลัพธ์ที่ออกมาได้โดยง่าย ผมคงไม่ดิ้นรน คงไม่สะเทือนใจกับอะไรทั้งนั้น เสี่ยวเกอก็เสี่ยวเกอ...ช่างแม่งเหอะ แต่พอคิดอีกที ถ้าต้องรอนานขนาดนั้น ผมกับนายอ้วนคงแห้งตายก่อน นายอ้วนนี่ถ้าจับมากินคงท้องเสีย ไม่ก็ได้ไขมันอุดตันในเส้นเลือดแถมมาด้วย เขาว่าคนกินลำดับสุดท้ายในห่วงโซ่อาหารจะได้รับพิษสะสมในร่างกายมากที่สุด กินหมอนี่แล้วคงตายทันที ...ไม่เอาโว้ย แค่ให้ขู่ว่าจะจับกินผมยังไม่มีอารมณ์จะเอามาพูดเล่นเลย สรุปว่าถ้าต้องรอมากกว่านั้น ผมก็คงแห้งตายอยู่ในนั้นนั่นล่ะ

แต่สภาพของผมตอนนี้ก็แทบไม่ต่างกับคนแห้งตายอยู่แล้ว แห้งไร้ชีวิต ใช้ชีวิตแห้งผาก คิดคำนวน วางแผน แล้วก็สูญเสีย ทำร้ายคนมากมาย รวมทั้งตัวเองด้วย ที่ถ่ามู่ถัวคราวนั้นเสี่ยวเกอได้กลับออกมา แต่คราวนี้กลับเป็นผมเองที่แห้งตายทั้งเป็นอยู่ข้างนอกนี่

...ที่เหลือไว้ก็มีแค่ปฏิทินในมือถือ ที่ผมตั้งคาไว้เพราะขี้เกียจลบไปเท่านั้น...

ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ ขณะที่ล้วงหาไฟแช็กพลันรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวด้านหลัง ทีแรกคิดว่าคงเป็นลูกน้องสักคนที่นั่งอัดกันอยู่ตรงเบาะหลังตื่นขึ้นมา แต่ถ้าไม่เช็กให้ปลอดภัยจะไม่สุขใจ ผมจึงขยับหันไปดูตามความเคยชิน กลับเป็นนายอ้วนที่รอจังหวะอยู่ เอื้อมมือจากเบาะหลังมาคว้าบุหรี่ไปในตอนที่ผมเอี้ยวตัวไปนั้นเอง

"ทำอะไรอยู่หือ? เทียนเจินบอสอู๋ แอบดูภาพหวิวไม่แบ่งเลยนะ" เขาพูดเสียงดัง

"ภาพหวิวเชี่ยอะไรล่ะ!" ผมด่า ทำเอาพวกลูกน้องด้านหลังรวมทั้งคนขับสะดุ้งโหยงขึ้นมาพร้อมกัน

นายอ้วนบ่นหงุงหงิงว่าผมไม่รับมุกเอาซะเลย ก็จะให้รับมุกยังไงได้บ้างวะ เปิดรูปโป๊ให้ดูรึไง ผมด่ากลับไป ระหว่างนั้นมือข้างที่ถือโทรศัพท์ผมก็ดึงออกห่างจากสายตานายอ้วนโดยอัตโนมัติ

นายอ้วนเลิกคิ้วมองโทรศัพท์ในมือผม สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมกำลังทำอะไร สักพักเขาก็มุดหัวกลับไปที่นั่งตัวเอง บ่นอะไรสองสามคำแล้วโยนของสิ่งหนึ่งกลับมาทางผม

สิ่งนั้นเป็นแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่านามบัตร ร่วงหล่นบนตักผม เชี่ย! ภาพโป๊จริงๆ ด้วย แถมเป็นชุดกี่เพ้าโคตรหวิวอีกต่างหาก นายอ้วนนี่แม่งดันมารู้รสนิยมผมอีก ว่าแต่ส่งรูปโป๊ให้ผมตอนนี้มันหมายความว่าไงวะ แถมเป็นกระดาษการ์ดอีก สมัยนี้แล้วโคตรเชยสะบัด

ผมหันไปมองเขา ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ นายอ้วนหันกลับมาทำมือบอกให้ผมพลิกดูด้านหลัง ผมจึงพลิกดู

ด้านหลังกระดาษแผ่นนั้นคือปฏิทินปีปัจจุบัน ที่แท้ไอ้รูปแผ่นนี้มันคือปฏิทินพกนั่นเอง เดี๋ยวนี้ยังพอมีพิมพ์แจกตามนิตยสารบางอย่างจริงๆ นั่นละ ไอ้เชี่ยนี่ก็ล่อซะใจหายหมด

บนปฏิทินมีรอยปากกามากมายกาทับวันที่ที่ผ่านมา แว่บแรกที่คิดผมนึกว่าเป็นปฏิทินของนายอ้วน นึกแปลกใจที่เขาก็มีอารมณ์มานั่งกาปฏิทินเยี่ยงสาวมอปลายเหมือนกัน แต่ลายมือที่ใช้กาบนช่องวันที่ดูแล้วไม่ใช่ลายมือเดียวกัน แม้จะเป็นแค่กากบาทสีดำเรียงต่อกันแต่ผมแยกแยะลายมือออก เห็นน้ำหนักมือทั้งเบาทั้งหนักแตกต่างกัน บางลายเส้นยึกยือ บางลายเส้นก็กาไว้เป็นระเบียบ ท่าทางจะมีหลายคนช่วยกันเขียน แต่ทุกลายเส้นล้วนมาจากปากกาแท่งเดียวกัน

"นี่คืออะไร?" ผมขมวดคิ้วถาม

"ฉันรู้ว่าตอนเดินทางนายต้องไม่ได้เอาปฏิทินมา เสี่ยอ้วนกลัวนายจะเหงาใจ เลยให้น้องๆ ช่วยกันกาปฏิทินรอไว้ ตอนบอสอู๋เหงาใจนั่งจ้องปฏิทินจะได้มีไว้กาต่อ" เขาตอบเสียงเริงรื่น ทำเอาผมอยากขยำแล้วปาใส่ทันที ...แต่ยั้งมือไว้ก่อน เสียดายภาพยังไม่ยับเลย

ที่ผมทำจึงมีแค่ด่านายอ้วนด้วยถ้อยคำรุนแรง หยิบบุหรี่มวนใหม่อย่างหงุดหงิดใจ ช่วงหลังๆ ผมเลิกกาปฏิทินไปแล้ว สาเหตุง่ายๆ คือเบื่อ อีกข้อคือไม่มีเวลา สาเหตุโคตรยอดนิยมของผู้ชายวัยกลางคนเบื่อเมียเลย นายอ้วนไม่รู้เรื่องนี้ พอโดนเอามาพูดต่อหน้าลูกน้องบนรถผมจึงรู้สึกเหมือนโดนล้อ อ้อ ใช่ แถมยังเอาไปเวียนให้ลูกน้องช่วยกันกาให้ผมอีก รสนิยมบอสอู๋ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น แม่ง ยุ่งไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ แต่ผมก็ทำได้แค่นิ่งไว้

ผมล้วงหาไฟแช็กอีกครั้ง หาไม่มี นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ตั้งใจจะเลิกบุหรี่ ตอนเดินออกจากสุสานเลยตัดใจวางทิ้งไว้ที่หน้าหินโน่น

"เอ้า บอสอู๋" ทันใดนั้นนายอ้วนก็ยื่นสิ่งหนึ่งมา ผมนึกว่าคราวนี้เขาจะส่งไฟแช็กให้เหมือนทุกครั้ง แต่เปล่า สิ่งที่นายอ้วนยื่นมาคือปากกาเคมีแท่งหนึ่ง พร้อมรอยยิ้มลึกลับน่าเตะ

"เสี่ยกลัวนายจะเหงาใจ คิดถึงน้อ..."

เชี่ยนี่มึงจะรีพีททำไมสองรอบวะ! ผมรีบคว้าปากกามา พร้อมร้องบอก "เออๆๆ จะให้กาให้ได้ใช่มั้ย แม่งเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา กลับไปบ้าพิธีกรรมแบบสำนักเหนือตั้งแต่เมื่อไหร่ มือยังถือระเบิดอยู่แท้ๆ ยังจะทำปากถือศีล ยังกับว่ากาไปจะช่วยอะไรได้ขึ้นมา" ผมก็พูดไปบ่นไปขีดกาไป กาอย่างเบามือ กลัวภาพนวลนางอีกฝั่งจะทะลุ "กาเสร็จแล้ว พอใจรึยัง นายแม่ง..."

ผมสะดุดกึก...ไอ้เชี่ย!!

เชี่ย

ไอ้ลูกน้องตัวไหนที่เสี่ยอ้วนใช้ให้มันกาช่องสุดท้ายให้วะ ผมจะไปเขี่ยมันออกจากกองมรดก!

ก็มันเล่นกาทับวันที่ 17 ไปแล้ว กาทับวันนี้ไปแล้ว!! จะเหลืออะไรให้ผมกาอีกวะ! เมื่อกี้ผมก็มึนๆ ด่านายอ้วนไปกาไปเลยไม่ทันได้ดู ไปกาทับวันที่ 18 ต่อท้ายช่องที่เห็นเสียอย่างนั้น พิธีกรรมอัญเชิญสาวมอปลายมาประทับทรงของนายอ้วนเลยกลายเป็นพิธีกรรมล้มเหลว ไอ้คนกานี่ถ้าขืนปล่อยไว้ในทีม สติปัญญามันต้องเป็นตัวถ่วงให้คณะขุดสุสานผมล่มสลายแน่ๆ

นายอ้วนเห็นสีหน้านิ่งงันของผม รีบไต่เบาะหลังชะเง้อมาดู เห็นแล้วเขาก็ร้องออกมา แล้วก็ขำก๊ากไม่รู้เรื่องรู้ราว

ผมนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น แล้วก็ขำตาม เริ่มจากขำเบาๆ แล้วก็กลายเป็นหัวเราะไม่หยุด หัวเราะเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยได้หัวเราะ หัวเราะเหมือนจากนี้ไปจะไม่ได้หัวเราะ ไม่รู้ว่าขำอะไรนักหนา นี่เรากำลังอยู่ในละครตลกที่ไม่ตลกอยู่หรือเปล่า?

ผมนั่งหัวเราะจนสุดปอด ถือปฏิทินปี 2014 ที่กาวันที่ผิดเอาไว้ ผมกาปฏิทินผิดเองกับมือ เสี่ยวเกอรู้เข้าคงดีใจตายชัก

ลูกน้องอีกสองสามคนที่นั่งอัดในรถคันเดียวกันมีสีหน้าเหรอหรา พวกเขาพลันกระซิบกระซาบกันถึงสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน "บอสอู๋หัวเราะ?"

ผมปาดน้ำตาที่ปลายหางตา หัวเราะจนเหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว ขำกับเรื่องที่ไม่น่าขำ แต่เมื่อได้หัวเราะครั้งแรกแล้วกลับหยุดไม่ได้เลย

เอาละ... เรื่องบ้าบอเรื่องนี้ผมจะเอาไปเล่าให้เมินโหยวผิงฟังยังไงดีนะ



+++

END
19/07/2014







Talk Time:

แอ๊บเสิร์ดแท้... อย่าถามนะคะว่าทำไมจบแบบนี้ คนเขียนเองก็งงเหมือนกันค่ะ แอร๊ /__\

จริงๆ แล้วนี่คือฟิควันชาติเต้ามู่ ขยุกขยุยทิ้งไว้ได้สักพักแล้ว ตั้งใจจะลงวันที่ 17 ส.ค. หรืออย่างน้อยก็ลง 18 ส.ค. ให้ได้ก็ยังดี แต่ว่าวันจริงดันเม้าธ์มอยใน ทวิตเตอร์ เล่นเพลินจนหมดสภาพ ไม่มีแรงจะมาจัดหน้าเคาะวรรคลงในบลอคดีๆ _:(´ཀ`」 ∠):_ กลายเป็นว่าเลทมาสองวันตามที่เห็นนี่แหละค่ะ โฮฮฮ

แต่ไม่เป็นไรเนอะ เอาเป็นว่ารู้กันว่าตั้งใจจะเขียนให้ไทม์ไลน์เป็นวันที่ 17.08.2014 นั่นล่ะ เป็นเหตุการณ์บนรถที่นายน้อยคงกำลังจะไปไหนสักที่ เพื่อทำอะไรสักอย่าง ใจจริงอยากให้เป็นเนื้อเรื่องต่อจากไทม์ไลน์ล่าสุดของคุณหนานไพ่ที่ปล่อยออกมาในตอนพิเศษเมื่อปลายเดือนที่แล้วค่ะ (อันเดียวกับที่เคยเตือนให้หลบสปอล์ยร้ายแรงให้ดีในทวีตนั่นล่ะ) แต่ว่าถ้านับแบบนั้น ว่ากันตามเวลาจริงแล้ว...นายน้อยจะเดินทางกัน 17 วัน ยังนั่งแช่ในรถยันวันนี้เลยเรอะ...ไม่มั้ง 5555 ฟิคเรื่องนี้เลยกลายเป็นช่วงเวลาปริศนาไปซะ!

ระหว่างทาง 2005-2014 สภาพจิตใจของนายน้อยคงขึ้นบ้างลงบ้าง (บางปียังตลกตึ่งโป๊ะอยู่เลยแท้ๆ) แต่ในฟิคนี้เขียนให้นายน้อยพังค่ะ (มโนไปเองว่า) ต่อให้ไม่ได้พังตลอดเวลาแต่ก็คงมีบางช่วงที่อ่อนแอ อะไรทำนองนั้น พอนานวันเข้าก็กลายเป็นท่านบอสอู๋ที่เย็นชาต่อการรอคอยไปซะแล้ว แหม บอสอู๋ไม่คิดถึงเสี่ยวเกอเล้ย ไม่คิดถึงเลย ไม่คิดถึงเลยสักนิด เชื่อจ้ะเชื่อ *เสียงเอ็นดู*

ถ้าให้พูด ความรู้สึกตอนเขียนฟิคเรื่องนี้ เหมือนกินชานมค่ะ ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าๆ ...เอ๊ะ อะไรนะ? เป็นผิงเสียที่เสี่ยวเกอไม่มีบทเลยเหรอ? อะไรนะ? มีแต่เสี่ยอ้วนอีกแล้ว!? ก็ค่าตัวน้องเสี่ยวเกอเขาแพงอะค่ะ ว้ายยย อย่าตีด้วงงง *วิ่งหนีไป*

6 ความคิดเห็น:

  1. ขนาดตอนเศร้ายังคิดเพ้อเจ้ออยู่อีก สมเป็นนายน้อย
    ฮือ รักนะคะเทียนเจินบอสอู๋ ;w;

    /ฝากเสี่ยอ้วนโอบบ่าปลอบเบาๆ

    ตอบลบ
  2. เสี่ยอ้วนนี่เป็นเพื่อนสาวม.ปลายที่ดีจริงๆ
    รู้รสนิยมเพื่อนด้วย อั้ยย่ะ (กี่เพ้าสินะคะ ต้องให้เมินโห--ใส่รึเปล่---- //คอบิดอีกรอบ)

    //ปูเสื่อรอวันที่เสี่ยวเกอลดค่าตัว

    ตอบลบ
  3. ด้วงเมาใบไม้จากเกาะอันห่างไกล20 สิงหาคม 2557 เวลา 01:08

    แอ๊~~~~ เสี่ยน่ารักกกกกกก *รัวตีพุงเสี่ย* รักเสี่ยที่สุดเลยค่า~♥
    เสี่ยนี่ร๊ากกก รักนายน้อยจริงๆ เลย
    อะไรนะคะ ฟิคผิงเสียเหรอ ไม่ใช่พั่งเสียเหรอ *ทำหน้าใสซื่อ* *โดนตี*

    ฮือออออออ ข่นบ้าาาาา *เม้นต์ไม่รู้เรื่องแล้ว*

    /เปิดเพลงประกอบ "กี่เพ้านั้นมีฟามลับใช่หมาย~♪"

    ตอบลบ
  4. อ่านแล้วรู้สึกได้ฟีลเศร้าๆเหงาๆจังเลยค่ะ อู๋เสียนี่โชคดีจริงๆเลยน้าที่ยังมีเสี่ยอ้วน
    เราว่าถ้าเขาไม่มีใครนี่คงเสียสูญไปแน่ๆเลยค่ะ การรอคอยใครบางคนนี่ช่างเจ็บปวดจริงๆเลยนะเนี่ย //ปาดน้ำตาให้เทียนเจิน หวังว่าจากนี้ไปทั้งสามคนจะได้หัวเราะด้วยกันอีกนะคะ : )

    ตอบลบ
  5. อ่านประโยคสุดท้าย คำที่ผุดในหัวคือ "ทำตัวเป็นสาวน้อยคอยรักเลยนะคะ"
    *แค่กๆ*

    ตอบลบ
  6. คุณหนูเธอเศร้าเหงา คอยคนรัก
    ว่าจะคิดถึงตัวเองมั้ย
    จะว่าไปเสี่ยอ้วนก็พูดถูกนะคะที่บอกว่านายน้อยเหมือนสาวน้อยม.ปลายรอรัก
    น่ารักน่าชัง
    แต่รู้สึกเศร้าไปดพ้วย
    คิดภาพออกเลยค่ะ นายน้อยที่นั่งรอคนๆ นังติดต่อก้ไม่ได้เสียงก้ไม่แม้แต่ได้ยิน
    ขอบคุณเสี่ยอ้วนที่มาเอ็นดูนายน้อยตลอดเวลานะคะ
    โฮ เศร้าแต่ก็อบอุ่นค่ะะะะะะะะ

    ปล. เสี่ยอ้วนนนี่รู้ใจนายน้อยมาก กี่เพ่านั้นสเปคเลย5555

    ตอบลบ