วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Daomu Fan-fiction][瓶邪] วิธีการขอโทษ 2

 

"วิธีการขอโทษ"
ตอนที่ 2

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)

ตอนก่อนหน้า: ตอนที่ 1

**(a little bit) Spoiler Warning**



เมื่อเรียบเรียงเรื่องราวในหัวได้ ผมตบแก้มตัวเองเรียกสติ รีบหันไปเล่าข้อสรุปของเรื่องทั้งหมดให้นายอ้วนฟัง นายอ้วนถึงกับปล่อยมือออกจากแก้ว ผมยังมีหน้าไปถามเขาต่อว่าทำไงดี

"จะไปรู้เอ็งไหม! ปกติพลิกลิ้นเลียญาติผู้ใหญ่แผล็บๆ ยังไงก็ทำไปแบบนั้นแหละ" เขามองผมอย่างเอือมระอาถึงขีดสุด นายอ้วนตอนนี้ทำหน้าเหมือนผู้เสียหายที่โดนผมลากมาติดร่างแหไปด้วย ซึ่งก็เป็นตามนั้นจริง

หัวสมองผมตอนนี้นึกออกแต่วิธีทิ้งตัวลงกราบขอโทษพร้อมกับบีบนวดเอาใจแบบเดียวกับตอนอ้อนคุณปู่ เสียแต่ว่าวิธีเอาใจแบบนี้ไม่มีวันได้ผลกับเมินโหยวผิง เขาคงไม่ต้องการเช่นนั้น ดีไม่ดีจะทำตัวเย็นชา รังเกียจ ห่างเหินใส่กันยิ่งกว่าเดิม

นายอ้วนบอกว่าให้ผมไปซื้อกางเกงในลูกเจี๊ยบอีกหลายๆ ตัวไปขอขมาเสี่ยวเกอ เขารู้จักร้านค้าที่เปิดตลอดคืนย่านนี้ดี ทีแรกผมด่าเขา นึกว่าเขาล้อเล่น แต่นายอ้วนบอกเสียงจริงจังว่าเสี่ยวเกอน่าจะชอบกางเกงในตัวนั้นอยู่พอตัว ไม่เช่นนั้นคงไม่ใส่บ่อยๆ ขนาดนี้ หากจะมีอะไรที่เชื่อมโยงตัวเขาเข้ากับโลกใบนี้ ก็คงจะเป็นกางเกงในลายลูกเจี๊ยบนั่นแหละ

ผมทำหน้าไม่เชื่อ นึกไม่ออกว่านายอ้วนจะไปรู้ได้ไงว่าเมินโหยวผิงใส่กางเกงในตัวไหนบ่อยที่สุด หรือจริงๆ นายอ้วนอาจจะขี้งก ซื้อกางเกงในให้เขาใส่อยู่ตัวเดียว เขาเลยต้องใส่วนๆ อยู่อย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นหมอนั่นคงน่าสงสารสิ้นดี

แต่ประหลาดที่ยิ่งคิดก็ยิ่งสมเหตุสมผล จะว่าไปผมเองก็อยากเห็นเมินโหยวผิงใส่แต่กางเกงในลูกเจี๊ยบโดยไม่มีตัวเลือกอื่นอยู่เหมือนกัน คิดๆ ไปแล้วก็สนุกขึ้นมา จึงตอบตกลงแล้วไปซื้อกางเกงในลายลูกเจี๊ยบด้วยกันก่อนกลับโรงแรม


×××


กว่าสติผมจะกลับมาเต็มร้อยก็ตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นแผ่นหลังของเขา

มองเห็นร่างที่นอนหันหลังนิ่งๆ อยู่บนเตียงตรงนั้น บวกกับบรรยากาศเงียบสงบของห้องพักแล้วเหมือนได้สติสัมปชัญญะที่หายไปวิ่งเล่นบนขอบแก้วกลับคืนมา

คำแรกในใจคือ กูทำเชี่ยอะไรลงไปวะ

กางเกงในลายลูกเจี๊ยบหนึ่งโหลยังอยู่ในมือ พอกำมือแน่นแล้วถุงพลาสติกหูหิ้วก็ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บ นี่ผมจะเอาของแบบนี้ไปขอโทษเขาจริงๆ หรือ มองหาความรู้สึกผิดสักนิดยังไม่เจอ

แต่ให้ตายเถอะ สาบานต่อบรรพบุรุษบ้านไหนเลยก็ได้ ว่าในใจผมกำลังรู้สึกผิดสุดกู่ รู้สึก (ว่ามัน) ผิดตั้งแต่ต้นกระบวนการยันวิธีการขอโทษ แต่ในเมื่อมายืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่ทำได้อีก

นายอ้วนดันหลังผมเหมือนให้กำลังใจ (ตอนหลังถึงเพิ่งมารู้ว่าเขาแค่ดันให้ผมหลีกทาง เพราะผมยืนขวางประตูอยู่) ผมจึงสูดหายใจลึกเดินเข้าไปหาเมินโหยวผิงที่นอนอยู่ตรงนั้น

"เสี่ยวเกอ ฉันมีของมาฝาก..."

ไม่มีเสียงตอบรับจากหมอนั่น เขานอนนิ่งเหมือนไม่ได้ยินที่ผมเรียก ผมลองพูดอีกครั้งก็ไม่ได้ผล

ผมรู้ว่าเมินโหยวผิงไม่ใช่คนหลับลึก ตอนที่ลงดินด้วยกันแม้ขณะนอนพักเขาก็ยังไวต่อปฏิกิริยาเล็กน้อยรอบตัว ผมรู้ว่าเขารู้สึกตัวตั้งแต่พวกเรากลับมาแล้วด้วยซ้ำ ที่เป็นแบบนี้ก็มีแต่เพราะเขากำลังใช้สกิลเมินขั้นสูงแบบเดียวกับที่เขามักตีมึนเวลาผมซักไซ้อะไรมากๆ เข้า

ผมหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากนายอ้วน กลับพบว่าเขาไม่ได้สนใจ กำลังถอดรองเท้าถุงเท้าเตรียมเข้าห้องน้ำอยู่ ห่านี่! ยุให้เพื่อนทำอะไรเสื่อมๆ แล้วชิ่งก่อนใครเพื่อนอีกแล้ว!

ผมเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียง กะจะประจันหน้ากับเมินโหยวผิงให้รู้เรื่องรู้ราว คราวนี้ผมไม่ได้จะเค้นเอาอะไรจากเขา และเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องหลบเลี่ยงผม เขาอาจจะแค่กำลังพักผ่อนอยู่จริงๆ ก็ได้

แต่เพียงแค่ผมเดินไปถึงปลายเตียงอีกฝั่ง เขาก็พลิกตัวกลับไปอีกด้านทันที

ความสงสัยเปลี่ยนเป็นความแน่ใจในชั่วพริบตา ผมรู้สึกหน้าร้อนวาบ เกิดมายังไม่เคยโดนใครปฏิเสธอ้อมๆ ได้ตรงไปตรงมาขนาดนี้มาก่อน เล่นเอาผมรู้สึกผิดจนช้ำใน

ผมมองแผ่นหลังที่พลิกมาทางผมด้วยความลังเล กำลังคิดว่าใช้โอกาสนี้เข้าไปนวดหลังแบบเดียวกับที่เคยอ้อนคุณปู่เลยดีไหม ก่อนจะนึกด่าตัวเองในใจว่าบ้า ร่างกายของจางฉี่หลิงคงจะไม่มีอาการเส้นตึงหรือเคล็ดขัดยอกให้ต้องนวดหรอกมั้ง

ในตอนนั้นเองที่นายอ้วนร้องขึ้นมาว่า "อุ่ย!" ทีแรกผมนึกว่าเขาจะแซวผมว่าน้องเสี่ยวเกองอนแล้ว แต่กลับไม่ใช่ เขาเดินถอยหลังออกมาจากห้องน้ำ พลางกวักมือเรียกผมเข้าไปหา

ผมมองด้วยความงุนงง วางข้าวของทิ้งไว้แล้วเดินอ้อมเตียงกลับไปหานายอ้วน เขาดึงผมเข้าไปพลางชี้ให้ดูในห้องน้ำ

"ฉันว่าเขาทำไว้ให้นายว่ะ ฉันไม่กล้าอาบ รู้สึกผิดบาปเกินไป" เขากระซิบเสียงแผ่ว

ผมคิดในใจว่ามันจะมีอะไรผิดบาปไปกว่าคนที่ใช้น้ำลวกตัวเองแล้วโทษคนอื่น แถมบ้าจี้จะเอากางเกงในลูกเจี๊ยบหนึ่งโหลไปขอโทษคนอีกวะ แต่เมื่อมองเข้าไปก็ได้แต่เงียบกริบ

ห้องน้ำโรงแรมที่นี่มีอ่างอาบน้ำขนาดมาตรฐานสำหรับแช่ตัว แม้จะไม่ได้อลังการมากมาย แต่ก็ถือว่าหรูแล้วสำหรับโรงแรมระดับนี้ บัดนี้ในอ่างอาบน้ำนั้นมีน้ำร้อนเติมไว้เต็ม มีไอน้ำลอยกรุ่นเหนืออ่าง กระจกห้องน้ำขึ้นฝ้า ดูฟรุ้งฟริ้งดีนักแล

ผมเห็นแล้วแทบลมจับ ไอ้บ้าเมินโหยวผิงจะฆ่าผมด้วยความรู้สึกผิดจนช้ำในตายจริงๆ ใช่มั้ย!! ในทีแรกผมปฏิเสธ บอกให้นายอ้วนลงไปอาบเถอะ อาบเสร็จแล้วอย่าลืมเปิดจุกน้ำทิ้งด้วย ไม่ต้องเผื่อแผ่ เพราะผมไม่อยากแช่น้ำขี้ไคลต่อจากนายอ้วน

แต่ก้าวเดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ เงยหน้าขึ้นก็พลันเห็นแววตาเย็นชาราวผืนน้ำนิ่งของนายเมินโหยวผิงมองกลับมาจากบนเตียง ผมถึงกับตัวแข็งทื่อ ถ้าให้บรรยายผมจะนึกถึงแววตาแบบที่เขาใช้ขู่เหวินจิ่นตอนสำรวจใต้ทะเลซีซา มันไม่ได้ดุร้ายน่ากลัวแบบที่ผมเคยคิด แต่หนักอึ้งไปด้วยแรงกดดันมหาศาล

อันที่จริงผมก็ตีความเจตนาเขาไม่ออก แต่ความรู้สึกตอนนั้นบอกผมว่าถ้ายังเรื่องมากงอแงกับไอ้ห้องน้ำนี่มากไป เรื่องอาจไม่จบ ถึงแม้จางฉี่หลิงอาจจะไม่มีเรื่องบ้าบอของผมอยู่ในหัวเลยตั้งแต่แรก แต่จะเหลือผมนี่แหละที่ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดต่อเขาไปอีกนานแสนนาน ประกอบกับผมเองก็ยังง้อเขาไม่เสร็จดี ตอนนี้มีแต่ความเกรงใจมหาศาล เรื่องก่อคดีซ้ำในสถานที่เดิมจุดเดิมสมควรเก็บใส่กรุไปก่อนจะดีกว่า

ผมจึงเดินคอตกกลับไป บอกนายอ้วนเสียงหงอยว่า อาบก็ได้ เดินตามเสี่ยวเกอหมาไม่กัด ยุงก็ไม่กัด ถ้ายอมอาบเสี่ยวเกออาจจะยอมอภัยให้ก็ได้ นายอ้วนถึงกับเลิกคิ้วเอามือแตะหน้าผากผม คิดว่าผมยังไม่สร่างเมา เขาก็ไม่พูดอะไรอีก เดินออกไปที่โต๊ะวางกาน้ำชา ทำท่าจะชงชาดื่มแก้เมา แต่แล้วก็ชะงัก

"ไอ้ย่ะ ตรงนี้เขาก็ทำไว้ให้นายว่ะเสี่ยวอู๋" นายอ้วนทำปากขมุบขมิบบอกผม

มองไปก็เห็นชุดชาร้อนวางอยู่ตรงนั้น นายอ้วนรินชาออกมาจากกา น้ำชาร้อนๆ กลิ่นหอมเข้มยังส่งควันฉุย

เมินโหยวผิง! ไอ้หมอนั่นคิดจะฆ่าผมให้รู้สึกผิดจนตายจริงๆ ด้วย!!

หันกลับไปอีกที เมินโหยวผิงพลิกตัวหันหลังให้กลับไปเป็นท่านอนประจำตัวอีกแล้ว ผม "ไม่มีทางเลือก" และผม "จำเป็นต้อง" (ตรงนี้ต้องย้ำซ้ำๆ หลายรอบแบบอาสาม) แช่ตัวในอ่างอาบน้ำแห่งความรู้สึกผิดในคืนนั้นเอง ความรู้สึกตอนนั้นอย่าให้เล่าเลยจะดีกว่า เอาเป็นว่าผมแทบจะกระอักเลือดตายด้วยความโศกา ทั้งสุขทั้งทรมาน เลือกไม่ถูกว่าจะบรรยายความรู้สึกนี้อย่างไร ที่แน่ๆ คืออาย อายจนนั่งแช่อยู่อย่างนั้น เอามือปิดหน้าตัวเองอยู่นานหลายนาน

ส่วนชาร้อนตกเป็นของนายอ้วนทั้งกา เขาบอกว่ากินเพลินไปหน่อย เมินโหยวผิงไม่ได้ว่าอะไร จริงๆ คือเขาไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้อีกเลยด้วยซ้ำ


×××


คืนนั้นผมนอนไม่หลับ...

แน่ล่ะ นอนหลับก็บ้าแล้ว โดนลงโทษอย่างนุ่มนวลขนาดนี้ ผมเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

ถ้าเป็นพ่อผม ผมจะโดนด่าสวน ต่อด้วยตัดเงินทุนสำรองบริหารร้านที่หนึ่งในนั้นมีค่ากินอยู่ของผมกับหวังเหมิงรวมอยู่ด้วย

ถ้าเป็นอารอง ผมจะโดนบ่นด่าด้วยคำพูดเสียดแทงใจข้ามเดือนข้ามปี จนต้องอาสาไปขัดส้วมโรงน้ำชาเอาใจอา เมื่อนั้นเขาถึงจะหายโกรธ

ถ้าเป็นอาสาม อาคนเล็กคนนี้ ถ้าไม่ต่อสายตรงโทร.ไปฟ้องพ่อผม ก็จะเบิ๊ดกะโหลกผมในวินาทีนั้นเลย แล้วเราจะถือว่าเลิกแล้วต่อกันไป

...การเป็นฝ่ายผิดแล้วโดนทำดีด้วย ผมไม่เคยเจอเลยจริงๆ

ผมนอนคิดไปมา คำพูดตอนเมาของผมร้ายกาจใช่ย่อย ไปพูดใส่คนที่แทบไม่มีความผูกพันต่อใคร แต่ก็กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตามหาความเกี่ยวโยงของตนกับโลกใบนี้ ด้วยการบอกว่า "เพราะเป็นคนอย่างนี้นี่เอง นิสัยนายแม่งโคตรไร้ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมเลย" แบบนี้มันตอกลิ่มแทงใจดำกันชัดๆ

และที่สำคัญที่สุดคือ...เรื่องนี้เมินโหยวผิงไม่ผิด...คนที่ผิดคือผมเอง ตรงนี้แหละที่ทำให้อยากเอาหัวโขกฝา

ผมพยายามลองคิดทุกทาง ลองคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่แน่ว่าเมินโหยวผิงอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นี้เลยแม้แต่น้อย ผมสังเกตมานานแล้วว่าเขาเป็นพวกไม่ค่อยใส่ใจตัวเอง ทั้งไม่หวงชีวิต และไม่ห่วงภาพลักษณ์ แค่กระจกยังไม่เคยคิดจะส่อง โดนผมกล่าวหาผิดๆ ก็คงไม่เจ็บไม่คัน ถึงอย่างนั้น สุดท้ายก็จะอธิบายไม่ได้อยู่ดีว่าเขาจะทำอย่างนี้กับผมไปทำไม

ผมคิดอะไรไม่ออก นอนต่อไปก็ไม่หลับ เลยลุกจากเตียงไปสูบบุหรี่นอกระเบียง ฟ้าคืนนี้สวย แต่แสงไฟในเมืองทำให้มองไม่เห็นดาว ผมยืนเหม่ออยู่แบบนั้น ในหัวเต็มไปด้วยความคิดวกวนไปมา แต่แล้วก็รู้สึกผิดแปลกเหมือนถูกจ้องมอง

ผมหันกลับไปดูด้านหลังตัวเองโดยอัตโนมัติ ขณะหันไปก็คิดว่าที่นี่มันโรงแรมในเมือง อย่ามีผีแม่ย่าโผล่มาใจกลางเมืองเชียวนะว้อย ทว่าหันไปก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาจริงๆ แต่เป็นแววตาของเสี่ยวเกอ


×××

TBC: Part 3






Talk Time:

ตัดฉึบอย่างใจร้าย 555+ เพราะเห็นว่าเนื้อหาตอนที่ 2 มันยาวไปหน่อย เลยขอแตกออกเป็น 3 ตอนเอาแล้วกัน ' 3 ')~

ฮือออ เสี่ยวเกอมีบทแล้ว เสี่ยวเกอมีบทแล้ววว ดีใจ (คนเขียนนี่แหละที่ดีใจ) เขียนแฟนฟิคบันทึกจอมโจรฯ ทั้งที เสี่ยวเกอมีบทออกน้อยเหมือนโดนโก่งค่าตัว สงสัยติดคำสาปเพราะอยากเขียนเลียนแบบคุณหนานไพ่ซานซูดีนัก T  T (← แต่เราว่าเราเลียนแบบไม่เหมือนนะ จริงๆ อาจจะไม่มีบทตั้งแต่เป็นเสี่ยวเกอแล้ว นายเมินที่ออฟฟิเชียลมีบทแทบนับคำได้เนี่ย 555)

ส่วนเรื่องคำเรียกในตอนนี้และตอนที่ผ่านมา จะเห็นว่านายน้อยเรียกนายอ้วนว่า "เสี่ยอ้วน" อันนี้จงใจค่ะ อยากเขียนนายน้อยโหมดเมาแล้วเดเระๆ งอแงหาพวก เลยปรับไปเรียกว่าเสี่ยอ้วน ประมาณว่ามีแต่เสี่ยที่เข้าอกเข้าใจกัน...ซึ่ง...เสี่ยไม่คล้อยตามหรอก (ฮา) ตรงนี้เป็นจุดที่เราชอบมากของนายอ้วนหวังในนิยายค่ะ ก็เลยตั้งใจว่าจะคงจุดนี้ไว้ นายน้อยจะงอแงแค่ไหน เสี่ยก็จะไม่คล้อยตามง่ายๆ (แม้สุดท้ายจะใจอ่อนบ่อยๆ หาทางประนีประนอมลงให้กันเสมอก็ตาม)

อยู่ๆ หวังเหมิงก็โดนพาดพิงเฉยเลย น่าสงสารจังลูกจ้างคนนี้ (ฮา) ตรงท่อนคุณพ่อ, อารอง, อาสาม นั่นใส่มาสนองนี้ดตัวเองค่ะ อยากพูดถึงเฉยๆ *ยอมรับเต็มปากเต็มคำ* จริงๆ ก็สนองนี้ดตั้งแต่ฉากแรกที่นายน้อยนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวใน ตอนที่ 1 โน่นแล้ว... "แฟนฟิคน่ะ! ก็ต้องเขียนเพื่อสนองนี้ดแฟนเกิร์ลน่ะสิถูกแล้ว!" *เต็มปากเต็มคำ*

ยังไงก็ฝากตอนต่อไปไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ U v U,,

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2557 เวลา 00:10

    โอยยยยยย เพิ่งมาเจอบล็อกนี้เลยไล่อ่านไปเรื่อยๆอยู่ค่ะ ตอนนี้อ่านแล้วแทบกรี๊ดเลยยยยย โฮ้ยยยย ทั้งขำอู๋เสีย กางเกงในลายลูกเจี๊ยบ แล้วไอ้ที่เสี่ยวเกอเตรียมไว้ให้นั่นมันนนอะไรกันนนนนน ฮืออออออ น่ารักเกินไปแล้วววว
    เขียนดีมากเลยค่ะ T T)b

    ตอบลบ
  2. หากจะมีอะไรที่เชื่อมโยงตัวเขาเข้ากับโลกใบนี้ ก็คงจะเป็นกางเกงในลายลูกเจี๊ยบนั่นแหละ <<< เจอประโยคนี้แล้วเงิบค่ะ 555
    แม้เสี่ยวเกอเขาทำเพื่อง้อหรือเปล่าคะ นายน้อยสามคิดมากว่าเป็นการลงโทษไปซะงั้น เอ้อ รู้สึกผิดมากสินะ เคยเหมือนกันที่ตอนทำผิดแล้วเขาทำดี ไม่ด่า ไม่อะไรเลย โคตรรู้สึกผิด เข้าใจนายน้อยค่ะ 555

    ตอบลบ