วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][瓶邪] ชอบที่สุด


"ชอบที่สุด"


Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)


**Spoiler Warning**




วันหนึ่งผมเกิดสงสัยขึ้นมาว่าเมินโหยวผิงชอบอะไร

คำว่า 'ชอบ' ในที่นี้ความหมายกว้างมาก และสำหรับคนแบบหมอนี่ ความหมายของคำนี้กว้างเสียยิ่งกว่ากว้าง...เรียกว่าคำว่าชอบสำหรับเขาเป็นสิ่งไม่มีความหมายอาจจะถูกต้องกว่า

ส่วนสาเหตุที่สงสัย ผมก็ยังสงสัยตัวเองอยู่ ครั้นพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง ก็ได้เหตุผลมาประมาณว่าถ้ารู้ของที่เขาชอบ วันเกิดก็จะได้หาของขวัญให้เขาได้ แล้วความคิดนั้นก็ถูกปัดตกไปด้วยเหตุที่ว่าผมไม่รู้วันเกิดของเขา เขาเองก็ไม่น่าจะจำวันเกิดของตัวเองได้...บางทีควรทำแบบที่นายอ้วนเคยแนะนำ หามาสักวันแล้วก็ตั้งให้ไปเลย

ฟังดูไม่เลว ไหนๆ ชื่อเล่นเขาผมก็เป็นคน (แอบ) ตั้งให้อยู่แล้ว คิดวันเกิดให้ด้วยสักหน่อยคงไม่เป็นไร แต่เอาไว้ค่อยปรึกษานายอ้วนอีกที ถึงจะบอกว่าตั้งให้ก็เถอะ แต่ไม่ดูฤกษ์ผานาทีสักหน่อยก็คงไม่ดี

เอาเป็นว่าขอรู้ของที่เขาชอบก่อน วันเกิดตั้งทีหลังก็ได้ ไม่มีอะไรเสียหาย!

หลังจากนั้นผมพยายามสังเกตเขา เริ่มจากอาหารการกิน เดิมทีแค่อยากรู้ว่าเขาชอบอาหารแบบไหน แต่กลายเป็นว่านึกอยากพาเขาไปโรงพยาบาลตรวจว่าประสาทรับรสที่ลิ้นยังใช้การได้อยู่ไหมแทน

เมื่ออาหารไม่ได้เรื่อง ผมก็ลองทดสอบเรื่องง่ายๆ อย่างให้เลือกสีที่ชอบ เริ่มจากซื้อแก้วน้ำสองใบมาให้เขาเลือก เขาหยิบใบหนึ่งไปในทันทีแบบแทบไม่ต้องคิด พอถามว่าชอบเหรอ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า "ใบนั้นเหมาะกับนายมากกว่า" ...ทำเอารู้สึกห่อเหี่ยวชอบกล

ต่อมาผมลองพาเขาไปเลือกซื้อเสื้อผ้า ให้ใส่แบบไหนเขาก็อือออไปหมด ก่อนผมจะนึกได้ว่ากางเกงในลายลูกเจี๊ยบเขายังใส่แบบหน้าตาเฉยมาแล้ว คราวนี้เลยลองพาไปซื้อเสื้อยืดพิมพ์ลายแบบพวกเด็กวัยรุ่น พอให้เขาเลือก เขาก็หันมาถามว่า "กี่ตัว"

"แล้วแต่นายเลย"

เขาส่ายหัวขณะชูถุงเสื้อผ้าที่ผมช่วยเลือกให้เมื่อครู่ "งั้นยังไม่ต้อง แค่นี้ก็พอแล้ว"

สุดท้ายผมได้แต่ยอมแพ้ พลางปลอบตัวเองว่าอย่างน้อยเขาก็มีเสื้อผ้าใหม่ๆ ดูสมวัย ไม่ถูก ถ้าสมวัยนี่ผมไม่รู้จะต้องไปขุดเสื้อผ้าแบบไหนมาให้เขาใส่ เอาเป็นว่าสมกับหน้าตาก็แล้วกัน

...พูดก็พูด น่าเสียดายที่ยังให้ลองชุดกี่เพ้าไม่ได้...น่าเสียดายจริงๆ




ของกินไม่สนใจ ข้าวของก็ไม่สนใจ เสื้อผ้าไม่สนใจ นั่นไม่สนใจ นี่ไม่สนใจ สรุปแล้วเจ้าหมอนั่นไม่สนใจอะไรเลย

ถ้าให้พูด สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดคงเป็นการนั่งเหม่อเฉยๆ ไม่ขยับเขยื้อน

ในหนึ่งวัน เขานั่งเหม่อวันละสี่ห้าชั่วโมงติดต่อกันได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ ทำเอาผมอยากจะส่งเขาไปแข่งนั่งเหม่อมาราธอนมาก นี่ชักรู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ตอนนั้นเรียกเขาเป็นนายเมินโหยวผิงจริงๆ 

ท้ายที่สุดผมยกธงขาวยอมแพ้ ในเมื่อหาคำตอบเองไม่ได้ก็มิสู้ถามเจ้าตัวไปเลยก็หมดเรื่อง

"เสี่ยวเกอ คำถามนี้อาจจะประหลาด แต่ฉันอยากรู้ว่า ยังไงดี เอ่อ นายมีของที่ชอบ แบบว่าถูกใจอะไรอย่างนี้บ้างไหม"

โพล่งออกไปแล้วผมก็เตรียมใจจะได้ยินคำตอบว่า 'ไม่มี' แต่เสี่ยวเกอกลับค่อยๆ หันมามองผม ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ

"นาย" เขาตอบแค่นี้ แล้วก็กลับไปเหม่อต่อ

ผมประเมินคำพูดนั้นอยู่ห้านาที มองหน้าเขา ก่อนจะเสี่ยงตายกระโจนเข้าใส่ แต่ลืมไปว่าเขามีฝีมือกว่าผม การลอบจู่โจมของผมเลยคว้าน้ำเหลว กลายเป็นโดนเขาคว้าจับเอาไว้แทน "นายจะทำอะไร"

"ถอดเสื้อนาย..." ผมตอบขณะมองเขา เมินโหยวผิงปล่อยมือที่จับผมเอาไว้ ผมเห็นเขานั่งเฉย ถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง แต่ดูจากท่านั่งไร้การป้องกันตัวของเขาแล้ว ดูท่าคงจะเป็นการอนุญาตผม...ละมั้ง

ผมเป่าลมใส่กำปั้น ดึงชายเสื้อขึ้นประหนึ่งจะไปต่อยตีคน จากนั้นก็ค่อยๆ เอื้อมนิ้วไปปลดกระดุมเสื้อของเขาช้าๆ...เกิดมานี่ก็เพิ่งเคยปลดกระดุมเสื้อคนอื่นในบ้านตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้ นิ้วของผมค่อยๆ ปลดกระดุมไปทีละเม็ด...ทีละเม็ด

บอกตามตรงว่าเป็นการเปลื้องผ้าที่นานมากสำหรับผม ไม่รู้ทำไมแค่กระดุมไม่กี่เม็ดผมถึงเชื่องช้าได้ขนาดนี้ อาจเป็นเพราะผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องการเคลื่อนไหวของผมอยู่ก็เป็นได้ หลังๆ ผมเริ่มรู้สึกว่ามือชักสั่น กระดุมเม็ดหนึ่งใช้เวลาปลดไปเกือบสองนาที

พอปลดหมดผมก็ถอยหลังหนีอย่างรวดเร็วพลางเงยหน้ามองหน้าเขา เมินโหยวผิงกำลังจ้องผมอยู่ด้วยดวงตาชวนให้รู้สึกถึงความว่างเปล่า ผมนิ่งไป ขณะกำลังคิดว่าจะถอดเสื้อเขาแบบไหนดี เขาก็เอ่ยว่า "...แค่นี้เหรอ"

เจอคำถามที่ฟังดูไม่มีอะไร แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนถูกหยามชอบกล ผมสูดลมหายใจ เอื้อมมือไปถลกเสื้อของเขาออกในทันที คราวนี้นึกอยากจุดพลุเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่ง

บนผิวกายของเขา ร่องรอยส่วนหนึ่งปรากฏขึ้นมาให้เห็น แม้จะจางมาก แต่ก็ยังเห็นเป็นลวดลายรางๆ

ผมนึกขอบคุณคนที่สักให้เขา คนแบบเมินโหยวผิงหน้านิ่งหน้าตาย แสดงอารมณ์มากที่สุดแค่เวลาคว่ำกรวย (ซึ่งมักจะมาพร้อมบ๊ะจ่างและสารพัดเรื่องอันตราย) อย่างน้อยรอยสักก็ยังทำให้ผมรู้ว่าหมอนี่ไม่ได้ทำมาจากก้อนหิน แต่เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อและความรู้สึก

ใบหน้าของเขาที่มองผมยังคงนิ่งสงบประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมหัวเราะก๊ากออกมาแบบห้ามไม่อยู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า "เสี่ยวเกอ...จางฉี่หลิง ฉันอยากจูบนาย"

เขานั่งนิ่งๆ มองผม ลำคอผงกขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะบอกว่า 'งั้นก็มาสิ' ผมเดินเข้าไปใกล้เขา ก่อนจะคลี่ยิ้ม และย้ำอีกรอบ "จางฉี่หลิง ฉันอยากจูบนาย"

ที่ผ่านมาผมบอกเขาหันซ้ายก็หันซ้าย หันขวาก็หันขวา อีกนิดผมจะคิดว่าเขามีเซนเซอร์จับคำสั่งฝังอยู่ในสมองแล้ว

ฉะนั้นผมจะไม่มีวันพูดว่า 'จูบฉันซะ' ถ้าเขาจะจูบผม เขาควรเป็นฝ่ายทำเองโดยที่ผมไม่ต้องบอก

เขามองผมนิ่งๆ คล้ายไม่เข้าใจสิ่งที่ผมสื่อ ผมชักหงุดหงิดจึงเอ่ย "เวลาฉันเป็นเงินเป็นทองนะ หนึ่ง..."

ยังนับไม่ถึงสาม ร่างของผมก็ถูกรวบให้เข้าใกล้ ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ผมคว้าไหล่ของเขาไว้ รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเราทั้งคู่ที่ค่อยๆ ไต่ระดับ จากมุมที่ผมอยู่มองเห็นได้ไม่ชัด แต่ผมคิดว่าตอนนี้คงเห็นโครงร่างของกิเลนได้ชัดเจนขึ้น

เราจูบกันแบบนั้นอยู่เนิ่นนาน ระหว่างนั้นผมเกิดสงสัย ตกลงแล้วสิ่งที่เขาชอบคือผม แล้ววันเกิดเขา (ที่ยังไม่ว่างตั้งให้) ผมควรจะให้อะไร ตัวเองใส่กล่องของขวัญงั้นเรอะ!

เอาไว้ปากว่างแล้วผมค่อยถามว่าเขามีของที่ชอบเป็นอันดับสองไหมก็แล้วกัน

ถ้ามีก็ดีไป ถ้าไม่มี...ไว้จะลองถามนายอ้วนดูว่ามีกล่องขนาดพอดีตัวคนไหม

และถ้าจะให้ดีกว่านั้น ผมว่าจับเขานั่นแหละใส่กล่องให้เป็นของขวัญ อย่างไรเสียเมินโหยวผิงก็ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ เขาคงไม่รังเกียจนายอ้วนหรอกน่า




+++

END
18/08/2014







Talk Time:

"ขายฟิครอบนี้ต้องตรวจบัตรประชาชนไหม" ← คำถามกลางวงสนทนารอบค่ำ

ฉบับนี้คือตัดฉับอย่างนุ่มนวล ในนี้เราขอกรุบกริบพอประมาณนะคะ กว่านี้ขออนุญาตเก็บไว้ให้ขายของตอนรวมเล่มบ้างอะไรบ้าง (/โดนคนอ่านฟาดด้วยประตูสำริด)

คือตอนนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ความตั้งใจประการเดียวมีอยู่ว่าจะเปลื้องผ้าค่ะ! *เป็นด้วงที่ชัดเจนในจุดยืน*

ก็เห็นคนอื่นเขาเปลื้องผ้าเสี่ยวเกอกัน เราก็อยากจับเสี่ยวเกอเปลื้องบ้างนี่นา (เหตุผลไร้สาระที่สุด)

รอบนี้เราก็ไม่ตีเสี่ยเพราะเสี่ยวเสียจับเสี่ยลงกล่องไปแล้ว (ยังเว้ย!)

6 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด *เข้ามากรี๊ดหัวสั่นหัวคลอน*
    แงงง เสี่ยวเกอมาดนิ่งน่ารักกกกกกกกกก โมเง้~ เสี่ยวเกอน่ากินคือสัจนิรันดร์ของเรื่องนี้ และเสี่ยวเกอตอนกินคือความน่ารักสูงสุด ฟืดดดด

    ["ขายฟิครอบนี้ต้องตรวจบัตรประชาชนไหม" ← คำถามกลางวงสนทนารอบค่ำ ] <<< ตรงนี้ขอเสนอให้ทำเป็นสองเวอร์ชั่นค่ะ ถ้าอันคัตก็เขียนว่า "เวอร์ชั่นคั่ว เอ้ย ขั้วสุดท้าย" 55555555555555555555555555555555

    ตอบลบ
  2. //ยื่นแบงค์+บัตรปชช รัวๆให้ (หยาบคาย...)
    โอ้ยยยยย น่ารักมาก อยากอ่านต่อเลยค่ะ ตื่นมาทุกวันต้องมานั่งเฝ้าบล็อกคุณ irony ว่าวันนี้จะอัพเรื่องอะไรบ้าง อัพได้สม่ำเสมอและน่ารักมากๆเลยค่ะ >/////< อยากให้อู๋เสียแหย่เสี่ยวเกออีกนิดหน่อยจะได้รู้ว่ากิเลนจะชัดขึ้นแค่ไหน(ฮา) ยังไงก็รอรวมเล่มอย่างใจจดใจจ่อนะคะ ^q^

    ตอบลบ
  3. ฮว่ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก *เขย่าบล๊อก*

    นี่มือสั่นเลยค่ะคุณ ฮ่ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พิมพผิดพิมพ์ถูก อ่ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    *เขย่าคอคนแต่ง*

    ตอบลบ
  4. ตายค่ะตาย งานนี้ตายสถานเดียว
    เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ร้อนมาก ตาร้อนมากกกก อิจฉานายน้อย
    ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ *พ่นไฟ*

    ตอบลบ
  5. มีฟิคผิงเสียให้อ่านเยอะๆ ด้วงตายตาหลับ //ข้อความที่สุสานใต้ทะเล

    โฮรกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เสี่ยวเกอคนบ้า หฟก้หฟ่ด้กเเว้ว่าา่้ //กรีดร้องเป็นภาษาหนี่ว์เจิน

    ฮือ เชิญเอาบัตรประชาชนไปเลยค่----- //ไม่ใช่
    ณ จุดๆนี้ ด้วงบินชนกำแพงพรึ่บพรั่บ อะเอื้อออ

    ว่าแต่ เสี่ยอ้วนนี่ต้องยัดลงกล่องเบอร์ไหนคะเนี่ย (ฮา)

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ22 ตุลาคม 2557 เวลา 16:22

    "นาย"

    เฮ้ยยยย พูดน้อยแต่พูดทีนี่ทำเอาใจสั่นไปหมด
    มิน่านายน้อยถึงรักขนาดนี้

    ตอบลบ