วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][瓶邪] Arson


"Arson"


Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)


**Spoiler Warning**




ผมในเวลานี้พยายามเลิกบุหรี่

อันที่จริงไอ้คำว่าพยายามนี่ก็ปามาเป็นปีแล้ว อาจเป็นเพราะช่วงหนึ่งสูบมากเกินไป มาตอนนี้ให้เลิกก็ยากอยู่ไม่น้อย วันก่อนเพิ่งโดนนายอ้วนไล่ให้ไปตรวจสุขภาพเสียบ้างเพราะผมเล่นผอมลงผอมลงเรื่อยๆ เหอ ผมเลยด่ากลับไปว่าเขานั่นแหละสมควรไปตรวจสุขภาพมากกว่าผม ถ้าผมผอมลง นายนี่ก็อุดมสมบูรณ์ขึ้นทุกปี สรุปเถียงกันไปมา เลยนัดว่าจะไปด้วยกันทั้งคู่ สรุปแล้วเขาก็แค่ป๊อด อยากหาเพื่อนไปด้วยนี่หว่า

ข้างนอกฝนตก ผมคาบบุหรี่ไว้ในปากขณะมองสายฝน สักพักก็รู้สึกคันคอจนหลุดไอออกมาชุดใหญ่ ครั้นจะอ้าปากให้เด็กยกน้ำมาให้ ผมก็เห็นเมินโหยวผิงเดินก้าวฉับๆ มาหาผม เนื้อตัวของเขาเปียกปอน เส้นผมเรียบลู่ไปกับศีรษะ

เมื่อเช้าเขาออกไปข้างนอก คราวนี้ยังดีที่เขียนโน้ตบอกว่า 'ไปข้างนอก' คราวก่อนผมร้อนใจมากที่จู่ๆ เขาก็หายไป ส่งคนไปตามหาอยู่ครึ่งค่อนวันเขาก็กลับมา พอถามว่าไปไหนก็บอกว่าไปซื้อของ ผมจึงได้แต่ต่อว่าด้วยน้ำเสียงเอือมระอาว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะบอกกันบ้าง

เช้านี้เขาก็บอกจริงๆ แต่ไอ้การบอกว่า 'ไปข้างนอก' นี่มันต่างอะไรกับไม่บอกวะ ยังดีที่เขียนภาษาจีน ไม่ใช่รหัสลับให้ต้องมานั่งตีความ ไม่อย่างนั้นผมคงอยากพาตัวเองไปเสี่ยงตายด้วยการตบกะโหลกเขาสักที ถึงอย่างนั้นผมก็ตั้งท่าเตรียมบ่นเขาว่าอย่างน้อยระบุที่หมายบ้างว่าไอ้ข้างนอกน่ะมันหมายความว่าอะไร

ขณะกำลังจะอ้าปาก ผมเห็นคิ้วของเขาขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ทำเอาเรื่องที่อยากพูดกระเด็นหายไปจนหมด

ใครใช้ให้ปกติเจ้าหมอนี่แทบไม่เคยแสดงสีหน้า ทำเอาเดาไม่เคยถูกว่าคิดอะไรอยู่ หรือเวลาแสดงสีหน้าทีไรถ้าไม่เกิดเรื่องซวยก็มักจะเกิดเรื่องซวยมากแทบทุกครั้งไป จนใบหน้าเขาเป็นเหมือนเครื่องตรวจวัดความอันตรายรอบตัวไปแล้ว "มีอะไร เกิดอะไรขึ้นเหรอ เสี่ยวเก..."

เขาโน้มตัวลงมา ผมยังไม่ทันตั้งตัวบุหรี่ในปากก็ถูกดึงออก พอกำลังจะส่งเสียง ริมฝีปากกลับถูกปิดเอาไว้

แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้นี่มันเรียกจูบใช่ไหม...

ถึงชีวิตนี้ผมจะไม่เคยมีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน แต่อย่างน้อยแค่จูบก็...ก็เคยกับผีทั้งนั้นเลยนี่หว่า บัดซบ! ยังดีที่อย่างน้อยก็เป็นผีสาว แล้วก็ยัง...น่าจะยัง (ชักไม่แน่ใจ) ...คิดว่ายังไม่เคยมีประวัติจูบกับผีดิบ ไม่งั้นคงจากไก่อ่อนอู๋คงกลายเป็นอู๋จูบบ๊ะจ่าง รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แต่อย่างน้อยให้จูบกับศพโลหิตก็ยังดีกว่าวานรสมุทรก็แล้วกัน ไอ้ตัวนั้นน่าเกลียดเกินจะรับได้จริงๆ

ไม่สิ บ๊ะ ถ้าเลือกได้ขอจูบคนเป็นๆ ดีกว่า แต่เออ ตอนนี้ก็จูบคนเป็นๆ อยู่นี่หว่า

เขาอยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจเป่ารดใบหน้า ประสาทสัมผัสส่วนใหญ่ของผมไปกองอยู่ที่ริมฝีปากที่แตะกัน...รู้สึกว่าปากตัวเองแตก ช่วงนี้กินน้ำน้อยไปจริงๆ ผมเอื้อมมือไปคว้าเสื้อด้านหลังของเขาไว้เพื่อเป็นหลักยึดขณะริมฝีปากของเราค่อยๆ เปลี่ยนมุมในการสัมผัสกัน ผมแทบจะเรียกว่ากอดเขาไว้แน่น ในขณะที่มือของเขายันกรอบหน้าต่างเอาไว้ ไม่สัมผัสถูกร่างกายของผม

แต่ที่น่าตลกคือปกติคนจูบกันควรหลับตา ทำท่าซาบซึ้ง ผมกับเขากลับเล่นจ้องหน้ากัน

ดวงตาของเราสบกันนิ่งๆ ผมเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในดวงตาเขา รู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจริงๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมว่าตัวเองน่าจะหลุดสีหน้าประหลาดออกไป หรือไม่ก็พยายามดิ้นรน ไม่สิ ผมรู้ตัวดีว่าสู้เขาไปก็แพ้ อันที่จริงคงจะอยู่นิ่งๆ แบบนี้ แต่มีสีหน้าตื่นๆ มากกว่า

ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น เขาก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก เนื่องจากใบหน้าของเขายังคงนิ่งสนิท ผมเลยไม่รู้ว่าควรแสดงปฏิกิริยาอะไรดี บางทีถ้าลองบังคับให้ถอดเสื้อดูน่าจะดี...เผื่อจะเห็นกิเลนกับเขาบ้าง ก็ใครใช้ให้เขาขี้โกงตีหน้าตาย ขณะที่หน้าเน่อหูเหอผมแดงเถือกไปหมดแล้วกันล่ะ โลกแม่งไม่ยุติธรรม!

แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง เขากลับพุ่งตัวผ่านผม เล่นกายกรรมกระโดดออกนอกหน้าต่างไปเสียอย่างนั้น ทำเอาผมได้แต่มองตาค้าง อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี แถมบุหรี่ในมือหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ด้านนอกฝนยังคงตก ผมนั่งเหม่อมองเม็ดฝนด้วยดวงตาเลื่อนลอย...อีแบบนี้เขาจะกลับมากินข้าวเย็นไหมเนี่ย



หลังจากนั้นพอจะจุดบุหรี่ทีไรก็จะนึกถึงเหตุการณ์นี้ พอนึกถึงเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกว่าบุหรี่น่ะสมควรเลิกๆ ไปได้แล้ว จริงๆ คือใจก็คิดแบบนี้...แต่เวลาสั่งเด็กไปซื้อของก็อดสั่งบุหรี่มาไม่ได้ แต่หลังๆ ไม่ได้เอาไว้สูบ เหมือนเอาไว้จุดเล่นมากกว่า

...พอจุดไฟเอาไว้ แมลงเม่าก็บินมาติดกับ

เพียงแต่บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาหรือตัวเองกันแน่ที่เป็นแมลงเม่า

ผมเป็นฝ่ายเรียกหาเขา หรือเขาที่กำลังล่อให้ผมเข้าไปใกล้ ...ไม่แน่ว่าบางทีเราอาจเป็นเพียงแมลงเม่าโง่เขลาด้วยกันทั้งคู่

โบยบินเข้าสู่กองไฟ ถึงจะรู้ตัวว่าต้องถูกไฟคลอกจนตาย แต่ก็ยังเลือกที่จะเล่นกับไฟ

พอพูดล้อๆ ออกไปแบบนี้ เขาก็มองผม ก่อนจะตอบ "ที่กองไฟวันนั้น คนจุดคือนาย"

ผมนิ่งไป...นึกไม่ออกว่ากองไฟวันนั้นคือกองไฟวันไหน ผมกับเขาออกเดินทางร่วมกันจากใต้ขึ้นเหนือ จากเหนือลงใต้ ก่อกองไฟกันมากี่ครั้งก็นึกไม่ออก พอโทรไปถามนายอ้วนก็โดนด่าว่าใครมันจะไปนั่งจำ

สุดท้ายผมกับนายอ้วนพากันไปจบบทสนทนาด้วยการนัดแนะไปตีแบตวันหยุด คราวนี้ต้องไม่ลืมเอาไม้ไปขึงเอ็นใหม่ให้เรียบร้อย คราวก่อนเมินโหยวผิงกับเสี่ยวฮัวตีกันดุเดือดมากประหนึ่งจะไปแข่งระดับโลก ทำเอาผมกับนายอ้วนที่เล่นกันอยู่คอร์ตข้างๆ ดูกลายเป็นลุงแก่ๆ กันไปเลย

พูดถึงเมินโหยวผิง วันนี้เขาหายไปอีกแล้ว ผมได้แต่กลอกตาไปมา หลังจากจัดการงานในส่วนของวันนี้เสร็จเรียบร้อย เขาก็กลับมาก่อนเวลาอาหารเย็นเล็กน้อย เนื้อตัวเปียกปอนเพราะน้ำฝน ผมกัดฟันกรอดๆ ขณะตรงเข้าไปหาเขา "เสี่ยวเกอ! คราวหน้าจะหายตัวไปก็บอกกันสักหน่อยสิ"

"ไม่ว่ายังไง...นายก็จะรู้นี่" เขาเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะบอกว่าจะไปอาบน้ำ ทิ้งให้ผมยืนกะพริบตาปริบๆ ในสมองกำลังดึงเอาความทรงจำออกมา คราวนี้นึกออกเด่นชัดแล้วว่าไฟกองไหน

ไอ้หยา คราวนั้นพูดจาไม่คิดออกไป ดันตกได้กิเลนตัวใหญ่ซะอย่างนั้น

ผมนั่งกุมขมับสำนึกผิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจโยนปัญหานี้ทิ้ง

...อย่างไรเสียไฟก็จุดขึ้นมาแล้ว ให้ใจร้ายเอาน้ำไปดับก็ใช่ที่ เอาเป็นว่าผมยอมลงไปในกองไฟกับเขา อยู่ก็อยู่ด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกันแบบนกยวนยางก็แล้วกัน


+++

END
16/08/2014







Talk Time:

อัดอั้นตันใจอยากเขียนฉากจูบค่ะ *จบ* ง่ายๆ แค่นี้เลย ที่ผ่านมาเรารู้สึกว่านอกจากกิจกรรมบังคับแบบอัดกันในอุโมงค์แคบๆ อะไรเทือกๆ นี้ สองคนนี้จะไม่ค่อยแตะเนื้อต้องตัวกันเท่าไหร่ (มีทีด้วงก็โบยบินที) สารภาพตามตรงว่าคิดไม่ค่อยออกว่าสองคนนี้จู่ๆ จะสปาร์ควิ่งไปจูบกันดูดดื่มได้อีท่าไหน

คราวนี้คิดชื่อเรื่องนานมาก ตอนแรกว่าจะจบแค่บุหรี่ ไหงบุหรี่มันติดไฟก็ไม่รู้ งั้นก็เลยแซวคนวางเพลิงเสียเลยก็แล้วกัน เป็นฟิคที่แซวเยอะมาก

ก็แหม "ถ้านายหายไป อย่างน้อยฉันจะรู้" นี่นา...

ขอแถมนิดหนึ่ง ช่วงภาคทราย อู๋เสียเรียกว่าติดบุหรี่น่าดูเลยค่ะ ออกฉากไหนสูบฉากนั้น พอกลับมาอ่านในบันทึกโจรเล่มหลักเจอที่เจ้าตัวบอกว่าจะสูบเวลาทุกข์ใจ พาลให้รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ ชอบกล (จริงๆ ก็แอบรู้สึกว่าเริ่มสูบหนักขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ภาคทิเบตแล้วค่ะ)

แต่ก็เพราะแบบนี้แหละค่ะ อยากล้อมุก "ติดฉันแทนบุหรี่เถอะ" มานานแล้ว *ตีเสี่ยอ้วนแก้เขิน* (เสี่ยบอกตูเกี่ยวอะไรวะ!) ฮือ ว่าแล้วก็อยากเปลื้องผ้าสำรวจกิเลนนัก *ขยับมือยุกยิก*

รู้สึกยิ่งเขียนยิ่งแสดงความสติเสื่อมออกมา ขอตัดจบเพียงเท่านี้ กราบสวัสดี


8 ความคิดเห็น:

  1. ด้วงคุงผัดฉ่า16 สิงหาคม 2557 เวลา 11:33

    วรั้ยยยยยย เสี่ยวเก๊อออออ!!!กิเลนบ้า!!!โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก /คำราม
    เสี่ยวอู๋น่าจะขอถอดนะคะ เรื่องจะได้ไม่จบแค่นี้ กร๊ากก /ตีเสี่ยอ้วนด้วยคน

    ตอบลบ
  2. บากะจางฉี่หลิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!

    บากะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ /อ่านไปก็ตบตีกำแพงไป บ้า บ้า บ้า บ้า!! คนบ้าาาา /วิ่งไปบนเตียงแล้วฟาดหมอนกับเตียงระบายอารมณ์ แง เสี่ยวเกออออออ เสี่ยวเกออออออออ เสี่ยวเกอออออออออออออออออออออ♥

    แง คนวางเพลิงก็บ้าค่ะ แงแง น่ารัก ชอบท่อนจบ /ตีเสียอ้วนตามด้วยคน

    ตอบลบ
  3. อ่านแล้วเขินฉากจูบมากค่ะ อ่ากกกกกกก

    เทียนเจินอู๋เสียย นี่ถือว่าเป็นจูบแรกกับคนเป็นๆของนายรึเปล่า 555555

    //ตีเสี่ยอ้วนแก้เขินด้วยคน

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ16 สิงหาคม 2557 เวลา 21:41

    โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เขินๆๆๆๆๆๆ
    น่ารักกันเกิดไปแล้วคู่นี้!!!

    ตอบลบ
  5. ตอนจูบนี้ด้วงโบยบินเลยคร่าาาาาาาาา
    ฟินๆเขินๆจนตัวจะแตกอยู่หน้าคอม 5555555555555
    แต่พูดถึงจูบแล้วก็ขำจูบเล่มแรกที่ผีสาวสุดสวยได้ไปจริงๆนะคะ 5555555555
    เราขอขย้ำพุงเสี่ยอ้วนแก้เขินละกันค่ะ อิอิ >///<

    ตอบลบ
  6. อ่านแล้วสะดุดตากับประโยคเดียว
    อัลไลคือการ"ตกได้กิเลนตัวใหญ่"ฮะ นายน้อยกลับมาเคลียร์ด่วนๆ=[ ]=

    อ่านนแล้วฟินมาก ชอบฟิคแบบนี้มากเลย คือมันกลมกล่อม ยุบยิบๆ บรรเทาความอัดอั้นของแม่ยกได้จริงจัง แต่งต่อไปเรื่อยๆนะคะ ฟิคไทยเรื่องนี้หาได้น้อย เราต้องช่วยกันผลิตค่ะ55 โดยเฉพาะโรงงานผลิตชั้นสูงแบบนี้นี่เลอค่ามากมาย=.=

    ตอบลบ
  7. ด้วงชนบทในไหเส้นผมพันปี10 ตุลาคม 2557 เวลา 01:52

    แงงงงงงง ชอบโมเมนต์จ้องตากันของสองคนนี้จริงๆค่ะ
    ต.. แต่ว่า..
    ฮืออออออออออ
    ถ้ากิเลนเสี่ยวเกอไม่ออก ด้วงจะอุณหภูมิเดือดเป็นไฟกิเลนแทนแล้วนะคะ
    TT///////TT

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ22 ตุลาคม 2557 เวลา 16:27

    "ไม่ว่ายังไง...นายก็จะรู้นี่"

    เสี่ยวเกอ ถ้าจะยังน่ารักมากขนาดนี้
    ฉันต้องอดใจไม่ไหว หลงรักเสี่ยวเกออีกคนแน่

    ตอบลบ