วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Daomu Fan-fiction][瓶邪] วิธีการขอโทษ 1

 

"วิธีการขอโทษ"
ตอนที่ 1

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)


**(a little bit) Spoiler Warning**




"โห บอสครับ เช็กแม้กระทั่งอุณหภูมิน้ำในสุสาน...นี่มันไม่ละเอียดไปหน่อยเหรอ?"

"เฮอะ..."


...
...


เชี่ย!!!!!! ร้อนฉิบ!!

ผมร้องจ๊ากดังลั่น จากนั้นก็เปิดประตูผางออกมาจากห้องน้ำ กวาดตามองหาตัวการ ก็พบว่ากำลังนั่งหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น

"เสี่ยวเกอ!! นายเป็นคนอาบน้ำคนสุดท้ายก่อนฉันกลับมาใช่มั้ย!"

เมินโหยวผิงหันหน้ามา เขาจ้องผมสักพัก ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามกลับโดยไม่สนใจคำถามที่ผมถามไปก่อนหน้าเลยสักนิด "อู๋เสีย นายเมาเหรอ?"

"แค่สองแก้วไม่นับว่าเมา! นายตอบฉันมา นายใช่มั้ยที่ใช้น้ำเป็นคนสุดท้ายแล้วปรับเป็นน้ำร้อนทิ้งเอาไว้"

เมินโหยวผิงขมวดคิ้ว ผมจึงหมุนตัวให้เขาดูรอยปื้นแดงบนหลัง เนื้อยังร้อนฉ่าเหมือนชิ้นหมูสดโดนเอาไปลวกในหม้อเดือดปุดๆ แม้จะไม่แสบร้อนเท่าบ่อน้ำพุมรณะที่ฉินหลิ่ง แต่โดนสาดเข้าจากหัวถึงตัวตอนไม่ได้เตรียมใจก็เล่นเอาสะดุ้งเหมือนกัน

ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวของโรงแรมแค่ผืนเดียว เพิ่งกลับมาจากไปดื่มกินเล็กน้อยร่วมกับนายอ้วน (เมินโหยวผิงไม่ชอบอะไรแบบนี้ เราเลยปล่อยให้เขานอนเฝ้าห้องจ้องเพดานไปตามปกติ) กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมที่พักก็ดึกดื่น ว่าจะอาบน้ำนอนหลับให้สบายเสียหน่อยก็ดันเจอเรื่องขัดใจจนต้องรีบออกมาโวยวายตั้งแต่ยังอาบไม่เสร็จ เพราะกลัวว่าตัวการจะตีมึนหลับไปเสียก่อน

นายเมินโหยวผิงขยับตัวเข้ามาดู แล้วก็เงียบ ไม่พูดอะไร จากนั้นก็เดินเลยเข้าไปสำรวจในห้องน้ำ จังหวะนั้นนายอ้วนที่ตามมาทีหลังเปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี ถึงกับทำตัวทำหน้าไม่ถูก รีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมอธิบายงึมงำ "เสี่ยวเกอน่ะสิ ทำอะไรไม่คิดถึงคนอื่นเลย หมอนี่ใช้น้ำคนสุดท้ายแล้วเปิดเป็นแบบร้อนจัดทิ้งไว้ ไม่ยอมปรับกลับเป็นตรงกลาง...ไอ้น้ำของโรงแรมนี้ก็บ้าบอชะมัด ปรับนิดปรับหน่อยก็พุ่งไปแต่เย็นจัดกับร้อนจัด คนใช้ครั้งสุดท้ายบิดเป็นร้อนสุดเอาไว้ พออีกคนมาเปิดฝักบัวไม่ทันได้เช็กก็ร้อนลวกตัวเป็นเนื้อสุกกันพอดี"

นายอ้วนได้ฟังแล้วถึงกับหัวเราะก๊าก ตบหลังตบไหล่ผม บอกว่า เรื่องไร้สาระแค่นี้เอง นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร

ผมยังไม่หายแสบตัว โดนตบป้าบๆ เข้าก็มองค้อนตาเขียว นายอ้วนจึงชะงักไป "เอาเถอะน่า มันเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ก็ให้มันเลิกแล้วกันไป เสี่ยวอู๋ก็ไปปรับน้ำกลับเป็นน้ำเย็นๆ แล้วอาบน้ำใหม่อีกที ร้อนเจอเย็น ชดเชยธาตุในตัวแล้วทำให้หลับสบาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายหงุดหงิด" นายอ้วนพูดกลั้วหัวเราะ

"หลับสบายกับผีน่ะสิ! นายอย่าเอาความรู้มั่วๆ มาอ้างให้เรื่องมันจบๆ ไป เรื่องนี้ฉันไม่ยอมปล่อยผ่านเด็ดขาด" ผมตอบกลับเสียงแข็ง ไม่รู้เพราะยังไม่หายร้อนแผล หรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ผมโกรธจริงๆ จังๆ ขึ้นมาเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พอมาคิดถึงเหตุการณ์นี้ทีหลังแล้วก็ทั้งขำทั้งอาย กะว่าจะเอาเรื่องนี้ลงหลุมไปด้วยไม่แพร่งพราย แม้นักขุดสุสานรุ่นหลังมาเปิดโลง ผมก็จะไม่ให้ล่วงรู้เด็ดขาด

"เรื่องนี้แสดงถึงความไม่รับผิดชอบของเสี่ยวเกอ นายแม่งอยู่คนเดียวมามากเกินไป พออยู่ร่วมกับคนอื่นก็ทำไปตามปกติ ไม่แคร์ชาวบ้านแม้แต่กับคนที่อยู่ร่วมกันแบบนี้มันใช้ได้ซะที่ไหน" ผมขึ้นเสียงเป็นจริงเป็นจัง โดยเฉพาะท้ายประโยคผมหันไปพูดกับเมินโหยวผิงที่เดินกลับออกมาจากห้องน้ำพอดี

เขาหันมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "ฉันไม่ได้ทำ"

"นาย! นายยังจะ...!" ผมเลือดขึ้นหน้า

นายอ้วนรีบดึงตัวผมไว้ "น่า น่า เสี่ยวอู๋ ฉันว่านายไม่ไหวแล้วล่ะ ไปจิบชาร้อนๆ ก่อนนอนแล้วค่อยมาว่ากัน หรือจะไม่ต้องว่ากัน รีบๆ นอน เอาหัวซุกโปงไปเลยก็ได้"

ไอ้นี่ก็จะให้ไปนอนอยู่ได้ ผมโมโหจี๊ด มองหน้าเขาสองคนสลับกันแบบไม่รู้จะทำยังไง คนนึงก็เมินได้เหนือชั้น อีกคนก็เอะอะจะตัดจบปัญหาซ่อนไว้ใต้พรม ขัดใจไปหมด สุดท้ายจึงตัดสินใจจะเอาหัวซุกโปงในแบบของผม

ผมหมุนตัวกลับ คว้าเสื้อตัวเก่ามาใส่ แล้วเดินออกไปนอกห้อง จะไปเมาต่อให้ไม่ต้องรู้เรื่องรู้ราว ประชดแม่งมันซะเลย

"เฮ้ย เสี่ยวอู๋!!" นายอ้วนรู้ว่าผมจะทำอะไร รีบวิ่งตามออกมา ผมก็รีบเร่งความเร็วไม่ให้เขาตามทัน กว่านายอ้วนจะตามมาถึงก็ตอนที่ผมออกมานอกโรงแรมแล้ว จนสุดท้ายก็มาจบที่ร้านเหล้าร้านใหม่ด้วยกันทั้งคู่


×××


"แม่ง ไอ้เมินโหยวผิง ไอ้บ้า ไอ้ขวด แม่ง แม่ง แม่ง ...คิดแล้วโมโหว่ะเสี่ย!"

ผมโวยวายให้นายอ้วนฟัง ตาก็มองฟ้า ประหนึ่งกำลังโทษสวรรค์ฟากฟ้าที่ส่งนายอู๋เสียมาขุดสุสานสยองขวัญ (ก็แทบเอาตัวไม่รอด) แล้ว ไยต้องส่งนายจางฉี่หลิงผู้ไม่เคยสนหัวใคร (ยกเว้นเวลาจะบิดคอกร๊อบ) มานอนร่วมห้องกันด้วย

"เออ รู้แล้วว่านายเสียใจมาก แก้วนี้พอแล้วนะ แล้วกินถั่วไป" นายอ้วนตอบผมเสียงเอือม ลากจานกับแกล้มวางตรงหน้าผม แต่ตัวเองก็กระดกแก้วของตัวเองต่อ ผมเห็นแล้วไม่พอใจ

"เสี่ยเองก็ไส้ศึก! เข้าข้างแต่เสี่ยวเกอ!" ผมพ่นเรื่องที่ยังคาใจเมื่อกี้ออกมาด้วยความโมโห ผมไม่ชอบเวลาโดนรุม โดยเฉพาะเมื่อคนที่รุมเป็นทั้งสองคนที่ผมไว้ใจ

"ไม่ได้เข้าข้างเลย ฉันแค่ไม่เข้าใจว่านายโมโหเรื่องอะไร" นายอ้วนส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วพูดต่อ "คุณชายเหลือเกิ๊น อาบน้ำร้อนก็ไม่ได้ แล้วยังไปงอแงหาเรื่องเสี่ยวเกอเขาอีก ดีที่น้องเสี่ยวเกอเขาใจดีไม่ถือสา ถ้าไปหาเรื่องผิดตัว ป่านนี้ได้ไปนอนเป็นศพให้ญาติอาบน้ำให้แทน หมดเวรหมดกรรมอาบสบายสมใจอยากแน่"

ผมได้ยินแล้วก็ส่ายหน้ารุนแรง "นายไม่เข้าใจ ต้องลองโดนเองแล้วจะรู้" ผมหยุดคิดสักพัก "...แต่เสี่ยอ้วนหนังหนา ต่อให้โดนต้มคงไม่เป็นอะไรมาก"

"เฮ้ย! ไอ้นี่ ปากนะปาก!" นายอ้วนหัวเราะลั่น "นายแม่งไร้สาระดีว่ะ น้ำตาลูกผู้ชายเอามาร้องไห้ฟูมฟายกับเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิมจะเป็นจะตายไปได้ นี่หลอกให้ฉันเลี้ยงเหล้าฟรีหรือเปล่าเนี่ย" เขาว่าแล้วก็กระดกดื่มอีกอึก

ผมเถียงว่าไม่ได้ร้องไห้ แค่เครียดกับอนาคต จากนั้นก็ดื่มของตัวเองบ้าง แล้วก็นั่งจ๋องเหม่อมองแก้วของตัวเองเงียบๆ

นายอ้วนมองผมขณะจุดบุหรี่สูบ เขากล่าว "นายแม่งทำตัวเหมือนเตรียมพร้อมเป็นภรรยาบ้านน้องจาง ยังไม่ทันได้แต่งเข้าบ้านก็บ่นเหมือนเมีย จู้จี้จุกจิกเรื่องผัวดูบอลเปิดเสียงดังทิ้งไว้ ผัวกินแล้วไม่เก็บจาน หรือต่อให้ผัวเก็บจานล้างจานให้ ก็ยังจะบ่นว่าลืมเอาที่ครอบกันแมลงเสียบอ่างอะไรแบบนั้นเลยว่ะ คุณนายจางฟูเหริน (ภรรยาสกุลจาง)"

ผมกำลังเคลิ้มๆ ไม่ทันได้หยุดคิด นั่งจ้องหน้าเขามึนๆ ยกมือขึ้นห้าม แล้วตอบ "คุณนายต้องหมอนั่น เป็นอู๋ฟูเหริน (ภรรยาสกุลอู๋)"

นายอ้วนหัวเราะก๊าก บอกว่าผมเมาไม่รู้เรื่องแล้ว แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้เมา ไม่รู้ว่าเขาหัวเราะอะไร แต่ก็หัวเราะตามไปด้วยสักพัก ไม่นานนักก็กลับมาห่อเหี่ยวฟูมฟายด่านายเมินโหยวผิงต่อ

"เรื่องนี้ฉันซีเรียสนะ ฉันรู้ว่าเขาอยู่คนเดียวได้ แต่เขาจะทำตัวเหมือนตอนอยู่คนเดียวเวลาที่ต้องอยู่รวมกับคนอื่นไม่ได้" ผมรู้สึกสลด ไม่รู้จะเศร้าอะไรมากมาย สงสัยเหล้าเข้าปากเกินปกติแล้วจะกลายเป็นไอ้หนุ่มอีโม

"เคยมีคนบอกว่าเขาเป็นพวกไม่จำเป็นต้องสื่อสารกับคนอื่นจนชิน แต่ถ้าเขาจะตามหา... ไม่สิ ไม่ต้องเอาถึงขั้นนั้น เอาแค่ว่าตอนนี้เขาอยู่กับพวกเรา ไอ้ตอนอยู่ในสุสานชอบหายแวบๆ ไปนี่ก็ว่าแย่แล้ว แต่แม้แต่กับตอนอยู่สบายๆ ก็ยังไม่แคร์พวกเรา แบบนี้มันไม่ไหวว่ะ"

นายอ้วนร้อง หืม แล้วก็ส่ายหน้า "ไม่นะ ฉันว่าน้องเสี่ยวเกอไม่ใช่พวกไม่แคร์คนอื่นนะ" ว่าแล้วเขาก็กอดคอผมเข้ามา เคราสากๆ เหม็นเหล้าแทบจะชนหน้าผมอยู่แล้ว "นี่นะ จะสอนให้จำไว้ เสี่ยอ้วนเจ้าสำราญน่ะชอบอะไรที่เห็นจะจะกับตา ชอบคลำของเป็นชิ้นเป็นอัน ชอบเงินสดไม่ชอบเช็ค แต่ฉันไม่ได้ชอบเปล่าๆ ปลี้ๆ นะเฟ่ย กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ เรื่องสังเกตแยกแยะของที่ไม่มีอยู่เลยแต่แรก กับไอ้ที่มีแต่ซ่อนไว้มิดชิดก็ต้องไม่เป็นรองใครด้วยว่ะไอ้น้อง"

ผมกะพริบตาปริบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า "...นายแม่งเมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องว่ะ"

นายอ้วนผลักผมออก "บ๊ะ ไอ้นี่ ตัวเองเมาจนฟังไม่รู้เรื่องล่ะไม่ว่า ไม่เอาแล้ว ฉันไม่พูดแล้ว หมดอารมณ์"

ถ้าเป็นเวลาปกติหรือเป็นเรื่องสำคัญผมคงพูดท้าทายยุให้เขาพูดต่อ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะต่อความยาวสาวความยืด บวกกับไม่มีสมองจะคิดไปถึงขั้นนั้น ผมคิดในใจว่าเขาไม่อยากพูดผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ต่อ สะบัดหน้าไปนั่งจ๋องมองแก้วของตัวเอง

นั่งหงุดหงิดงุ่นง่านสักพัก คลำกระเป๋าตัวเองหาบุหรี่จะมาสูบต่อ คลำหาขึ้นๆ ลงๆ ไม่เจอ สงสัยจะลืมไว้ที่โรงแรม นายอ้วนก็ยื่นมาให้มวนหนึ่ง

"เอ้อ แล้วหายแสบตรงที่โดนลวกหรือยัง" เขาถาม ผมคิดในใจว่าเอาอีกแล้ว เสตปต่อไปหมอนี่คงบอกว่า ถ้าหายแสบแผลก็ลืมเรื่องวันนี้แล้วไล่กลับไปนอนอีกแน่ ผมจึงไม่ตอบ นั่งแทะถั่วให้เสร็จแล้วค่อยรับบุหรี่มาจุดอย่างหงุดหงิดใจ เมื่อนั้นนายอ้วนจึงพูดต่อ

"จะว่าไปฉันก็สงสัยตั้งแต่แรกแล้ว...น้องเสี่ยวเกอเขาจะปรับน้ำร้อนจัดไปทำไมเรอะ"

เขาว่าพลางมองไปบนฟ้า ผมรู้สึกเหมือนเขาเลี่ยงที่จะสบตาผมมากกว่า ตอนนั้นยังไม่เอะใจ จึงตอบส่งๆ ไป "ไม่รู้ อาจจะอยากแช่น้ำเอาอย่างลิงแช่บ่อน้ำพุร้อนมั้ง ก็ห้องน้ำมันน่าแช่ขนาดนั้น ตัวฉันเองยังอดใจไม่ไหวเลย"

นายอ้วนขมวดคิ้ว "ไม่ เขาดูไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องอุณหภูมิน้ำที่ตัวเองอาบด้วยซ้ำ ฉันนึกภาพน้องเสี่ยวเกอทำตัวพิถีพิถันแบบคุณชายพกโทนเนอร์ไม่ออก"

ผมเงียบไป นิ่งคิดอยู่นานว่านายอ้วนพูดถึงใครและโทนเนอร์ไหนกัน กว่าจะคิดออกก็ใช้เวลาหลายนาน เล่นเอาขำปะทุจากข้างใน แต่ก็ต้องรีบกลั้นไว้ รู้สึกทรมานจนถึงกับตาสว่าง ช่วยให้หายมึนในวูบเดียว

พอเริ่มมีสติ สมองถึงค่อยเรียบเรียงคำพูดนายอ้วนมาคิดใหม่อีกที พอเริ่มคิดเป็นเรื่องเป็นราวได้ถึงจุดหนึ่ง ใบหน้าก็ร้อนวาบ

ผมหันไปมองเขา

"เฮ้ย บ้า แม่ง...ไม่ใช่...อย่าบอกนะว่าฝีมือนายเองน่ะ" ผมชี้หน้านายอ้วน

เขาทำหน้าปั้นยาก อึกอักสักพักแล้วค่อยพูดออกมา "จริงๆ เรื่องนี้มันพาดพิงเรื่องสิทธิส่วนบุคคลด้านการอาบน้ำ ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะทุกคำที่ฉันพูดอาจเป็นหลักฐานมัดตัวฉันในเรื่องอื่น แต่ฉันจะตอบให้ว่า...ไม่ใช่ฉันว่ะ"

ผมเงียบกริบ เรื่องนี้ผมเชื่อนายอ้วนได้ทันที เพราะท่าทางลำบากใจเมื่อครู่มันฟ้องว่าเขากังวลไอ้ "เรื่องอื่น" ที่ว่ามากกว่า นายอ้วนไม่ใช่คนปริศนาจัด เรื่องนี้อยู่ในขอบเขตที่เดาได้ คงเป็นเรื่องความถี่ในการอาบน้ำที่เขาไม่อยากรับสารภาพตรงๆ นั่นเอง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับพฤติกรรมการอาบน้ำของเสี่ยวเกอให้ประเด็นสนทนาย้อนกลับมาโดนตัวเอง เพราะฉะนั้นผมจึงตัดนายอ้วนออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย

ลองคิดย้อนดูอีกที ผมได้กล่าวหาอะไรเมินโหยวผิงไปบ้างนะ

ผมปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือเขาเพราะเมินโหยวผิงเป็นคนแข็งแกร่งดุจยอดมนุษย์ อาบน้ำร้อนได้ไม่สะดุ้ง แถมยังจำได้ว่าเขาใช้น้ำเป็นคิวสุดท้ายก่อนผมกลับมา จึงคิดว่าเป็นฝีมือของเมินโหยวผิงไม่มีทางเป็นอื่น

แต่พอมองกลับกันด้วยวิธีคิดแบบนายอ้วน ผมก็ได้พบช่องโหว่ของความคิดตัวเอง หากเขาไม่สะทกสะท้านต่อน้ำร้อนเย็น ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องปรับระดับความร้อนของน้ำ อย่าว่าแต่สะทกสะท้านหรือไม่เลย เอาแค่น้ำร้อนหรือเย็นเขาจะสนใจหรือเปล่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ หรือถ้าเขารับรู้ ผมก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าเขาจะลงทุนเอื้อมมืออีกนิดไปบิดปรับอุณหภูมิน้ำให้ตัวเองไหม กรณีนี้ผมว่าเขาน่าจะยืนทื่อๆ ทั้งอย่างนั้น อาบน้ำแบบไม่สนใจโลกมากกว่า

ในเมื่อเมินโหยวผิงไม่น่าเป็นคนปรับ จึงเหลือคนร้ายอยู่เพียงคนเดียว

คนคนนั้นยอมจำนนด้วนหลักฐานมัดตัวเอง ที่เพิ่งหลุดจากปากเมื่อกี้สดๆ ร้อนๆ

พูดว่าอะไรนะ อ๋อ...ก็ห้องน้ำมันน่าแช่ขนาดนั้น ตัวฉันเองยังอดใจไม่ไหวเลย...

...ครับ ปริศนาไขกระจ่างแล้ว คนร้ายคือกูเองนั่นแหละครับ...

ยังจำได้ชัดเจนแจ่มแจ๋วเลยว่าถึงแม้ผมจะด่าในใจว่าหัวก๊อกน้ำโรงแรมนี้ห่วยเป็นบ้า แต่ก็ยังแอบชมว่ายังดีที่มีอ่างอาบน้ำแบบฝรั่งให้ ยิ่งมีน้ำร้อนจัดๆ ก็ยิ่งน่าลงไปแช่ ผมจึงลงเอยด้วยการเติมน้ำให้เต็มอ่างแล้วลงไปนอนแช่ตัว เอ้อระเหยชาลัลลาอยู่นานด้วยซ้ำ

...ไอ้บัดซบอู๋เสีย งานเข้าแล้วไงมึง เมาแล้วฟูมฟายเพ้อเจ้อไม่พอ ยังไปด่าเสี่ยวเกอซะไม่เหลือดี

ผมบอกว่าเขาไม่มีความรับผิดชอบ ผมบอกว่าเขาไม่แคร์คนอื่น เขามันใช้ไม่ได้...ที่ไหนได้ ไอ้ห่าที่ทำทั้งหมดนั่นมันกูเองนี่หว่า!!



×××

TBC: Part 2






Talk Time:

ยังงง ยังไม่จบค่ะ มีต่อพาร์ตต่อไป ฟิคเรื่องนี้มี 3 ตอนจบ

แฟนฟิคผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย) เรื่องยาวนี้เกิดจากความคิดว่า "อยากเขียนฟิควายบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน" + "อยากเขียนแนวปริศนาแบบที่หนานไพ่ซานซูเขียนดูแต่ปรับให้ซอฟต์ลงมา" + "อยากเขียนด้วยสำนวนนายน้อยโดยเลียนจังหวะการใช้คำให้ใกล้เคียงกับผู้แปล" ...เอ่อ...อ่า...ออกมาเป็นเยี่ยงนี้...ได้นิยายตลก (มั้ง) 1 เรื่อง 555555 นี่มันอะไรก๊านนน ผิดจากความตั้งใจเดิมไปไกลลิบเลย ; w ;

เป็นฟิคเสี่ยวเกอนายน้อยที่เสี่ยวเกอแทบไม่มีบท มีแต่เสี่ยอ้วนเต็มพรืดไปหมด ฮาาา ฮือออ ต่อจากตอนนี้แล้วยังมีต่ออีกสองตอนค่ะ ฝากพาร์ตต่อไปไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ~!

1 ความคิดเห็น: