วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][王盟] My summer


"My summer"

 


Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: -




วันหนึ่งในฤดูร้อน ปีนี้ดูเหมือนจะร้อนขึ้นกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ที่ร้านยังคงไม่มีคนเหมือนทุกๆ วัน เจ้านายนอนมองทะเลสาบซีหูด้วยดวงตาเลื่อนลอย วันนี้ไม่มีลมเอาเสียเลย ผมร้อนจนตัวเหนียวหนึบไปหมด

อันที่จริงพัดลมก็มี แอร์ก็ยังใช้การได้ แต่เพราะตัวแดงเถือกในบัญชีและโทรศัพท์จากพ่อที่บ้านทำเอาเจ้านายกำหมัดประกาศว่าจนกว่าจะสิ้นเดือนไม่มีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเกินความจำเป็นเป็นอันขาด แม้แต่เปิดคอมเล่นเกมก็ไม่อนุญาต...ฟังแล้วนึกอยากลาออกขึ้นมาวูบหนึ่ง

พอยิ่งร้อนมากก็ยิ่งง่วงมาก ผมโคลงศีรษะไปมา ใกล้หลับอยู่รอมร่อ ในจังหวะที่ร่างของผมเอียงวูบไป ก็ได้ยินเสียงของเจ้านาย

"หวังเหมิง ถ้านายมีอายุยืน ไม่สิ ถ้ามียาวิเศษทำให้นายไม่แก่ ไม่ตายได้ นายจะกินมันไหม"

ผมกะพริบตา จัดท่าทางตัวเองอีกครั้งหนึ่ง พอมองหน้าเจ้านายด้วยท่าทางงุนงง คำถามเดิมจึงถูกถามซ้ำ

"แล้ว...แล้วมียาสำหรับเจ้านายด้วยไหม" ผมถามกลับ

"ไม่ แค่นายคนเดียว"

ผมคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยิ้มแหยๆ แล้วส่ายหัว

"ทำไม" เจ้านายถามต่อ

"มันน่ากลัวออก" ผมอธิบายความคิดของตัวเองออกมาช้าๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยต้องคิดนานแล้ว ทำเอานึกคำศัพท์เรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยจะถูก "หยุดยืนอยู่กับที่คนเดียวในขณะที่คนรอบๆ เดินไปข้างหน้ากันหมดแล้ว มันเหมือน...เหมือนผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้"

"งั้นเหรอ..." 

ดวงตาของเจ้านายไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาแม้แต่น้อย ผมเลยไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หรือถามผมไปทำไม

"แล้วก็ แบบนั้นสุดท้ายแล้วก็จะไม่มีใครที่รู้จักผม แล้วก็ไม่มีใครสักคนที่ผมรู้จัก...มันเหงาออก" ผมหยุดพักหายใจ นอกจากไม่ได้คิดมานานแล้วก็เหมือนจะไม่ได้พูดประโยคยาวๆ มานานแล้วด้วย รู้สึกเหนื่อยชอบกล

"นั่นสินะ...เหงาเหรอ" แว่วเสียงแค่นหัวเราะ ผมมองซ้ายมองขวา ฟังจากเสียงแล้วเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองตอบคำถามผิดชอบกล พาลให้สงสัยว่าจะโดนหักเงินเดือนที่แทบไม่มีให้หักแล้วไปมากกว่านี้ไหม

...แบบนี้คำตอบควรเป็นอะไร? หรือผมต้องกินยาแล้วมีชีวิตอยู่ไปยาวๆ จริงๆ งั้นหรือ? คิดแล้วรู้สึกว่าเวลานอนเยอะเกินไปชอบกล

เจ้านายยังคงเงียบ แต่เป็นความเงียบที่ทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าไม่พูดอะไรเลยคงไม่ดี

"แต่ว่านะ..." ผมเกาหัว พยายามเค้นความคิดอย่างเต็มที่ "ถ้ามีใครสักคนยังจดจำการ...เอ่อ การคงอยู่ จำตัวตนของผมได้ แบบนั้นก็คงไม่เป็นไรมั้ง"

...เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าต้องมีชีวิตอยู่แบบอายุยืนยาวกว่าชาวบ้าน ช่วงชีวิตหนึ่งมีเพื่อนสักคนก็ยังดี...เป็นแฟนได้เลยก็ยิ่งดี พอคนเก่าตายก็ค่อยหาใหม่เอาก็ได้ แค่นี้ก็ไม่ถึงขั้นไม่เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้แล้ว ผมกำลังจะอ้าปากอธิบายความคิด แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมเปลี่ยนใจ

เจ้านายไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มพึงพอใจแบบที่ไม่ได้เห็นมาสักพักใหญ่แล้ว

ผมกะพริบตาสามสี่ที เมื่อเห็นว่าเจ้านายมีท่าทางพออกพอใจกับคำตอบของผมก็กลับไปนั่งตัวโคลงเคลงเหมือนเดิม หน้าร้อนนี่มันทำให้ไม่อยากทำอะไรเลย แถมเมื่อกี้พูดไปซะเยอะ พลังงานที่เก็บสะสมมาเริ่มหมดแล้ว ต้องนอนจริงๆ เสียแล้วละ แต่อากาศร้อนอ้าวแบบนี้ทำให้รู้สึกแย่ไปหมด...ครั้นเหลือบมองปฏิทินตาละห้อยก็พบว่านี่เพิ่งกลางเดือน

"...เจ้านาย เมื่อกี้ผมตอบได้ไม่เลวใช่ไหม" ผมหันไปทำท่าขอความเห็นใจพลางชี้ไปทางเครื่องปรับอากาศต้องห้าม

เจ้านายหุบยิ้ม จากนั้นก็โบกมือไปมา ก่อนจะชี้ไปทางทะเลสาบซีหู "...หยุดบ่นร้อนสักที ขืนพูดอีกฉันจะส่งนายไปดับร้อนในน้ำ"
 
...เมื่อกี้นี้ผมก็ยังไม่ได้พูดคำว่าร้อนเลยสักนิดเดียว ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ทุ่มเถียงในใจ

"แล้วก็เลิกทำหน้าเหมือนอยากประท้วงด้วย"

เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ได้แต่หันหน้าของตัวเองหลบให้พ้นสายตาของเจ้านาย จากนั้นก็นั่งคอตกมองแสงแดดแผดเผาด้านนอกต่อไปอย่างเลื่อนลอย รู้ตัวอีกทีก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว ในฝันผมเอาแต่ครุ่นคิด

...ถ้าเปลี่ยนคำตอบเมื่อครู่ได้ก็คงดี ขืนเป็นอมตะแล้วต้องทนผ่านฤดูร้อนแบบนี้ไปอีกเป็นสิบปี ร้อยปี ผมไม่ขอเป็นดีกว่า

แว่วเสียงกุกกัก ตามมาด้วยคล้ายลมพัดดังมาจากที่ไกลๆ คลอกับเสียงเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจของเจ้านาย

"ร้อนเหงื่อท่วมขนาดนี้ยังหลับลง สมเป็นจอมขี้เกียจจริงๆ"

ผมง่วงงุนไปหมด แต่ร่างกายกลับสัมผัสได้ถึงลมเย็นๆ ทำเอาเคลิบเคลิ้ม...ดูเหมือนจะมีลมพัดมาแล้ว ดีจริงๆ ในใจผมฟังคำของเจ้านายที่บางทีคงเป็นแค่เสียงจากในฝันแล้วนึกอยากประท้วงเล็กน้อยว่าผมก็ไม่ได้อยากขี้เกียจ แต่ร้านมันไม่มีลูกค้าต่างหาก แต่พอคิดว่าต้องออกแรงโต้เถียงผมก็ไม่อยากขยับตัวแล้ว

...ช่างมันเถิด ช่างมันเถิด นอนดีกว่า


+++

END
11/08/2014







Talk Time:

ตัวนี้เพิ่งเขียนได้เมื่อไม่กี่วันมานี้ ตอนแรกยังคิดไม่ออกว่าจะเอาลงทีไหนดี พอดีได้ฤกษ์เปิดบล็อคพอดี

รู้สึกตัวเองเขียน One-shot ได้ไร้แก่นสารชะมัด *หัวเราะ* ไปๆ มาๆ แล้วเขียนถึงหวังเหมิงไว้เสียเยอะเชียว (มีนอกจากนี้อีกค่ะ) แต่ก็ไม่ได้จับจิ้นเป็นกิจจะลักษณะหรอกนะคะ ชอบบรรยากาศของเจ้านายกับลูกน้องสุดเฉื่อยแฉะเฉยๆ ค่ะ ยิ่งได้อ่านฉากชีวิตช่วงภาคหลังที่ทั้งสองคนโต้บทสนทนากัน (แบบกวนๆ) แล้วอดเอ็นดูไม่ได้ เป็นบอสมาเฟียกับมือขวา น่ารักน่าเอ็นดูค่ะ

สำหรับเราแล้ว อย่างไรเสียคู่ผิงเสียก็เป็นเรือหลัก (ไปบินว่อนเรืออารอง อาเซี่ยอะไรบ้างตามประสาด้วงใจง่าย แฮ่ม) ในนี้ถึงเขียนว่าเป็นส่วนของหวังเหมิง แต่ข้อความที่สื่อก็สื่อถึง "พี่ชายน้อย" คนนั้นน่ะแหละค่ะ ใครใช้ให้คุณเจ้านายไปเที่ยวสัญญิงสัญญา "ถ้านายหายไป อย่างน้อยฉันจะรู้" แบบนั้นล่ะค่ะ

บอสอู๋คะ สำหรับคนที่อยู่มานานแบบนั้นน่ะ คำพูดของคุณมันมีความหมายมากๆ เลยนะคะ อย่าพูดส่งๆ แล้วไม่รับผิดชอบเป็นอันขาดเลยนะคะ!

ตกลงจั่วหัวหวังเหมิง แต่ดันเขียนถึงผิงเสียซะได้ (ฮา) ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เรื่องนี้พี่เมินโหยวผิงเขาเป็นพระเอกตัวจริงนี่นา *โดนนายน้อยเป่ากะโหลก*

พูดถึงคู่ของหวังเหมิง...สารภาพว่าตั้งแต่อ่านมาปิ๊งแค่ตอนพิเศษที่เจอกับพี่แว่นดำ (เฮยเสียจื่อ) เท่านั้นเอง นอกนั้นนายหวังเหมิงวันๆ มีแต่โผล่มาเป็นตัวประกอบหกร้อยหยวน ให้จิ้นกับเจ้านายก็รู้สึกว่าเกินไป ความสัมพันธ์ของคู่นี้เรามองเป็นแม่ลูกมากกว่าค่ะ (เหอ) ถึงปากจะบ่น แต่อู๋เสียก็ใจดีกับหวังเหมิงไม่น้อยเลย หลังๆ เหมือนเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมากกว่า สรุปว่าจิ้นไม่ลง

ต่อจากนี้ก็คงเขียนถึงหวังเหมิงในลักษณะ One-shot แบบนี้อีก...หวังว่าคงไม่เบื่อลูกจ้างตัวประกอบคนนี้ไปเสียก่อนนะคะ (ฮา)



1 ความคิดเห็น:

  1. เอะ............ ทำไมเราเพิ่งเห็นฟิคนี้ล่ะคะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ

    เมื่อวานเข้าบลอกเช็กฟิคตอนเบลอๆ อ่านไม่ค่อยเข้าหัว ตื่นมาเปิดอีกรอบก็หาไม่เจอ จนต้องไปคุ้ย history ถึงเห็นว่าอยู่แรกๆเลย!! อะไรกันนน

    ชอบนายน้อยที่ใช้ชีวิตกึ่งขมกึ่งหวานแบบนี้จังค่ะ แอร๊ ♥

    ตอบลบ