วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Daomu One-shot][吴邪+霍秀秀] พี่ชายอู๋เสีย

 

"พี่ชายอู๋เสีย" (#DMBJdaily)

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: - (瓶邪 ผิงเสีย)


**Spoiler Warning**




"พี่อู๋เสีย ใกล้วันวาเลนไทน์แล้วนา ปีนี้พี่ก็ยังโสด ฉันก็ยังโสด อย่างนั้นเรามาเป็นแฟนกัน"

"หะ หา!?"

เพราะฮั่วซิ่วซิ่วเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยระหว่างเดินเที่ยวในหังโจวด้วยกัน ทำเอาผมถึงกับเดินผิดจังหวะ ก้าวสะดุดยอดหญ้ากะทันหัน ไอศครีมรสชาที่ซื้อมากินเลอะโดนใบหน้าตัวเอง ฮั่วซิ่วซิ่วหัวเราะชอบใจ

ช่วงนี้ฝุ่นควันในปักกิ่งยังไม่หายไป อยู่ดีๆ ซิ่วซิ่วก็โทรศัพท์มาบอกผม ว่าจะแวะมาเที่ยวที่หังโจวแก้เซ็งหลังจากสะสางบัญชีประจำปีอันยุ่งยากของตระกูลฮั่วแล้วเสร็จ พี่ชายที่ใช้ไม่ได้ของเธอยังก่อเรื่องให้ครอบครัวไม่หยุดหย่อน ก่อนจะต้องสู้รบปรบมือกับเทศกาลตรุษจีนของที่บ้านเป็นรายการต่อไป หัวหน้าตระกูลอย่างเธอต้องการผ่อนคลายสักนิด

และวิธีการที่เธอเลือกใช้ผ่อนคลายอารมณ์ก็คือ การมาทริปสั้นที่หังโจว

ตอนคุยโทรศัพท์เธอระบุชัดเจนว่าผมต้องเป็นคนพาเธอไปเที่ยว ตัวผมเองก็ติดค้างน้ำใจเธอเอาไว้มาก อีกทั้งยังเคยหักหาญหัวใจเธออย่างรุนแรงด้วยเรื่องของท่านย่าฮั่ว ความสัมพันธ์ของเรานับตั้งแต่เข้าหน้ากันไม่ติดหนนั้น มาถึงวันนี้ แม้ไม่อาจเรียกได้ว่ากลับคืนดังเดิม แต่ก็จัดว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว

หลายปีผ่านไป ฮั่วซิ่วซิ่วเริ่มกลับมาเข้าหน้าผมได้อีกครั้ง เธอกลายเป็นสหายอีกคนที่ผมสามารถปรึกษาเรื่องต่างๆ ได้ไม่แพ้เสี่ยวฮัว (ในบางเรื่องผมคิดว่าเธอเข้าอกเข้าใจผมได้ดีกว่าเสี่ยวฮัวด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะนิสัยของเราที่คล้ายคลึงกันหลายส่วน) แม้ว่าทุกครั้งที่เจอ ความสัมพันธ์ของเราเหมือนจะมีเส้นบางๆ กั้นเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าควรเรียกเส้นนั้นว่าอะไร อาจเป็นเส้นของความเกรงใจ หรืออาจเป็นรอยร้าวเก่าที่ยากจะสมานคืน แต่บางครั้งที่เธอมองมา ผมจะสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆ อยู่เสมอ

เรื่องรอยร้าวก็ส่วนรอยร้าว สำหรับผม ยังมีน้ำใจของฮั่วซิ่วซิ่วที่ผมรับมาแล้วต้องตอบแทน ทริปสั้น ณ หังโจวครั้งนี้ผมจึงไม่คิดปฏิเสธ ต้อนรับขับสู้เธออย่างดีเท่าที่พี่ชายคนหนึ่งจะให้กับเธอได้

ไม่คิดเลยว่าผมจะดูแลเธอดีเกินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีขีดความสัมพันธ์ของฮั่วซิ่วซิ่วที่ผมเฝ้าระแวดระวัง ด้วยเกรงว่าจะไปเพิ่มความห่างเหินมากกว่าที่เป็น ก็พุ่งทะลุเส้นของคำว่าพี่น้อง กลับกลายเป็นเธอมาขอผมเป็นแฟนเสียอย่างนั้น

"เธอไม่ได้ชอบเสี่ยวฮัวหรอกเหรอ" ผมถาม รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก

"ฉันเป็นคนถาม พี่ห้ามเฉไฉ ตอบฉันมาก่อน" ซิ่วซิ่วไม่ตอบคำถาม เธอดึงผ้าเช็ดหน้าสีชมพูปักลายจากกระเป๋าถือขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผม ระหว่างนั้นผมพยายามมองหน้าเธอ แต่ก็ไม่อาจตีความใดได้จากสายตาคู่นั้น

ความรู้สึกว้าวุ่นประหลาดแล่นขึ้นมาในสมอง แม้ไม่ใช่ความลำบากใจยิ่งใหญ่อะไร แต่ถ้อยคำกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก จนเมื่อซิ่วซิ่วเช็ดหน้าให้ผมเสร็จ ยัดผ้าเช็ดหน้าชมพูผืนนั้นให้ผม ผมก็ยังพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี

"ว่าไงคุณพี่อู๋เสีย อายุพี่ก็ไม่ใช่น้อย พี่เป็นถึงคุณชายสกุลอู๋ พี่มีหน้ามีตา ฉันก็มีหน้ามีตา เจ้าบ้านสกุลฮั่วแม้จะเป็นดอกไม้งาม แต่ก็ใช่จะมีตัวเลือกมากมาย ผู้ชายของฉันต้องคัดมาแล้วเท่านั้นจึงจะจัดว่าคู่ควร พี่ต้องภูมิใจนะ" ฮั่วซิ่วซิ่วยกยิ้ม รอยยิ้มของเธอดูน่ารักสมวัย เป็นภาพที่นานๆ ครั้งจะได้เห็นจากยายจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์อย่างเธอ

"เธอล้อฉันเล่นอยู่หรือไง เทียบกันแล้วคุณชายเก้านั่นเหมาะกับเธอมากกว่าเยอะ" ผมไม่รับผ้าเช็ดหน้าจากเธอ แกล้งผลักมือเธอไปอย่างทีเล่นทีจริง พอผมเดินหนี ซิ่วซิ่วก็เดินตาม

"ไม่เอาน่า หรือพี่จะบอกว่าพี่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลย..." ว่าแล้วเธอก็ปราดเข้ามาคล้องแขนผม ทำเสียงน่ารักน่าชัง "หรือว่าพี่ก็แค่ไม่ชอบฉัน ...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ทำไมอาสามใจร้ายกับหนูจังเลยคะ"

ได้ยินเพียงแค่นั้นก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว หยุดยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ผมหันไปถลึงตาใส่เธอ "อย่าเรียกฉันว่าอาสาม!"

ยายหนูหัวเราะชอบใจ กระชับแขนที่คล้องกับผมมากกว่าเดิม ทำเหมือนกับที่เธอเข้ามาออดอ้อนตอนผมปลอมตัวเป็นอาสาม "พี่อู๋เสีย ฉันรับพี่ได้เสมอ ไม่ว่าพี่จะหน้าแก่ หน้าหนุ่ม หรือจะหน้ามีแผลเป็นนะ"

ผมเผลอยกมือคลำใบหน้าตัวเองครั้งหนึ่ง คิดในใจว่าหน้าแก่นั่นไม่ใช่หน้าของฉันเสียหน่อย ที่หน้าแก่นั่นมันอาสาม! ฮั่วซิ่วซิ่วเห็นปฏิกิริยาของผมแล้วก็หัวเราะออกมา ดูสดใสยิ่งกว่าเดิม

เห็นท่าทางร่าเริงของเธอแล้วผมก็โล่งใจขึ้นมา ที่ขอเป็นแฟนเมื่อครู่คงเป็นแค่การล้อเล่นของเธอ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร คิดแล้วผมอดส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจไม่ได้

"นี่ยายหนู ฟังนะ ฉันไม่ได้ไม่ชอบเธอ แต่ก็ไม่เคยคิดกับเธอแบบนั้น ฉันมองเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง และที่สำคัญ ฉันยังไม่คิดจะมีใครตอนนี้" ผมกล่าว จากนั้นก็ก้าวเดินต่อ เราสองคนเดินชมวิวซีหูไปตามถนนไป๋ตี เส้นทางยาวเชื่อมต่อจากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะกูซาน สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของทะเลสาบซีหูซึ่งเป็นจุดหมายของเรา เราสองคนเดินทอดน่องต่อไปเรื่อยๆ พลางกินไอศครีม ฮั่วซิ่วซิ่วไม่ได้พูดอะไร

ผมอธิบายต่อ "อีกอย่างที่เธอน่าจะรู้อยู่แล้ว คือฉันยังมีเรื่องต้องสะสาง ทำอาชีพแบบเราๆ กรวยยังต้องคว่ำ สุสานยังต้องลง ชีวิตไม่มีความมั่นคง ฉันจะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ ถ้าให้เลือกระหว่างเพื่อนร่วมรบกับหาแฟน ฉันขอเอาเวลาไปทุ่มเทกับเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันตอนนี้ก่อนดีกว่า เรื่องแฟนเอาไว้หลังจากอะไรๆ ลงตัวกว่านี้ค่อยคิดก็ยังไม่สาย"

อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องพูดมากขนาดนี้ แต่เพราะผมรู้ว่านี่คือซิ่วซิ่ว เด็กสาวที่นิสัยคล้ายคลึงกับผม แม้เธอจะหัวไว อาจคาดเดาเหตุผลและสถานการณ์ของฝั่งผมได้อยู่แล้ว แต่หากไม่ได้คำอธิบายที่น่าพอใจก็ไม่มีวันยอมเลิกราง่ายๆ เช่นกัน

ถึงตรงนี้ ซิ่วซิ่วส่งเสียงฮึ "พี่จะบอกว่าพี่แค่ติดเพื่อนงั้นสิ?"

"จะว่างั้นก็ได้"

"ไม่จริง ถ้าพี่ลองคิดดูว่าพี่ไม่ได้มองฉันเป็นน้อง แต่ให้ฉันเป็นเพื่อนของพี่ พี่จะให้ความสำคัญกับฉันมากขึ้นหรือเปล่า"

ผมตอบไปว่าเรื่องแบบนี้มันวัดกันได้ซะที่ไหน ซิ่วซิ่วเถียงผม "วัดได้ซิ ลองคิดกลับกัน ถ้าจางฉี่หลิงเพื่อนพี่คนนั้น ลองมาเป็นตำแหน่งน้องแบบฉันดู เขาเรียกพี่ว่า 'พี่อู๋เสีย' บ้าง พี่จะรู้สึกยังไง"

ผมเงียบไปนานมาก ร้องในใจว่าเหยด มุกนี้ล้ำว่ะ ผมคิดว่าตัวเองสมองจินตนาการล้ำเลิศ (ในบางที) แล้ว แต่จินตนาการสาวน้อยจัดว่าเหนือชั้น ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ

ฮั่วซิ่วซิ่วชี้หน้าผม "พี่ไม่ตอบฉัน! พี่กำลังคิดว่าถ้าจางฉี่หลิงคนนั้นเรียกพี่ว่า 'พี่อู๋เสีย' ก็น่ารักดีอยู่ใช่ไหมล่ะ"

ผมสะบัดหน้าไปมารัวๆ รีบลบภาพที่เผลอคิดตามในหัวทิ้งไป "ไม่ใช่แล้ว ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับเพื่อนตัวเองเลย เธอนั่นแหละยายบ๊อง มาบังคับให้ฉันคิด"

"พี่ไม่ทักท้วงด้วยซ้ำว่าทำไมต้องจางฉี่หลิง เพื่อนพี่มีตั้งหลายคน มีนายอ้วนคนนั้น มีพี่เสี่ยวฮัว แล้วยังเพื่อนสมัยเด็กอีก ฉันยกจางฉี่หลิงขึ้นมา พี่ก็เออออตาม ไม่ขัดคอฉันเลยสักนิด"

ผมอยากกุมขมับวิ่งไปตะโกนใส่ทะเลสาบ ยายฮั่วซิ่วซิ่ว! เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่วะ!

"พี่ไม่ได้ติดเพื่อน พี่แค่ติดผู้ชาย"

"บ้าแล้ว ฉันให้ความสำคัญกับเพื่อนทุกคนอย่างเท่าเทียมต่างหาก" ผมยืนกราน

"งั้นพี่ลองคิดตาม ถ้านายอ้วนคนนั้นเรียกพี่ว่า 'พี่อู๋เสีย' ล่ะ?"

ผมลองนึกภาพตาม เห็นภาพนายอ้วนมือหนึ่งถือปืนกล มือหนึ่งเกาพุงที่พร้อยไปด้วยรอยแผลเป็น หันหน้ามาเรียกผม "พี่อู๋เสีย" ผมรีบส่ายหน้ารับไม่ได้ บอกซิ่วซิ่ว "ฉันกินไอติมไม่ลงแล้ว"

"ใช่ไหมล่ะ! งั้นลองเป็นเจ๊ฮัวพูดกับพี่ดู"

"คนนั้นเรียกฉันว่าอาเฮียอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร"

"แล้วถ้าเป็นเสี่ยวเกอเรียกพี่ว่า 'พี่อู๋เสีย' ล่ะ?"

ผมคิดภาพตาม เมินโหยวผิงที่กำลังนั่งเหม่อ ค่อยๆ หันหน้ามาหาผมอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยปากเรียกผมซึ่งบัดนี้โตเป็นผู้ใหญ่แซงเขาไปแล้วว่า "พี่อู๋เสีย" ด้วยเสียงอันแผ่วเบา

"..."

ผมพลันวิ่งไปที่ริมทะเลสาบ ตะโกนร้อง "อ๊ากกกกก" ยาวๆ แต่ในใจอยากวิ่งไปกระโดดตูมลงน้ำ ยายฮั่วซิ่วซิ่ว เธอกำลังปลูกฝังอะไรในใจฉันกันแน่!

"พี่หวั่นไหวแค่กับจางฉี่หลิงจริงๆ ด้วย พี่เป็น...จุดจุดจุด" ซิ่วซิ่วที่เดินตามมายิ้มอย่างพึงใจ

"ไม่ใช่! ไม่ใช่เด็ดขาด อาจจะเป็นเพราะหมอนั่นเข้าท่าที่สุดในบรรดาทุกคนก็ได้"

"เอ๋ แล้วคุณชายเก้าคนนั้นเหมาะสมน้อยกว่ากันตรงไหน?" เธอย้อนผมด้วยคำเดียวกับที่ผมปฏิเสธเธอเมื่อครู่ ทำหน้าตาสงสัยอย่างน่ารักน่าเอ็นดู "คุณพี่อู๋เสีย ยอมรับมาเถอะว่าพี่รู้สึกพิเศษกับเขาแค่คนเดียว ใครๆ ก็รู้ว่าพี่รอคอยแต่เขามาตลอด"

"ไม่ใช่เด็ดขาด ...ว่าแต่เธอมายุ่งอะไรกับเพื่อนฉันด้วย เมื่อกี้เธอชวนให้มาเป็นแฟนกัน แล้วคิดยังไงมายัดเยียดผู้ชายให้ฉันเสียอย่างนั้น" ผมนวดหน้าผากตัวเอง คุยกับยายจิ้งจอกน้อยทีไรได้ปวดหัวทุกที อดคิดไม่ได้ว่าหรือแม่นี่กำลังมีแผนร้ายคิดเข้าควบคุมสกุลอู๋ พอทำไม่สำเร็จก็คิดลดทอนความมั่นคงของตระกูลผมแทน

ไม่น่าใช่... หากซิ่วซิ่วมีแผนการ ก็ไม่ควรเป็นแผนไร้สาระบ้าบอคอแตกเช่นนี้

ผมหันไปประจันหน้ากับยายหนู พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ จะไม่ยอมโดนปั่นหัวอีกต่อไป "ฮั่วซิ่วซิ่ว ตอบฉันมาแต่โดยดี เธอต้องการอะไรกันแน่"

"เอ๊ะ ก็ต้องการพี่เป็นแฟนไง"

"แล้วไอ้ที่กำลังทำมันช่วยให้ฉันอยากเป็นแฟนเธอมากขึ้นยังไงกัน" ผมถาม

ซิ่วซิ่วเชิดคอขึ้น พลางยิ้มเยาะ "ถ้าฉันจะโดนปฏิเสธ ก็อยากจะโดนปฏิเสธจากผู้ชายที่รู้ใจตัวเอง มากกว่าโดนปฏิเสธจากเทียนเจินอู๋เสียที่ใช้คำอ้างข้างๆ คูๆ"

ผมคิดในใจว่านี่มันจะตัดใจได้ไวเกินไปแล้ว แม่นางสกุลฮั่ว ดูท่าเธอจะแค่ล้อเล่นกับผมจริงๆ ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งอกที่เธอไม่ได้คิดจริงจัง แต่อีกใจก็มีเรื่องใหม่มาให้หนักอกแทน

"อย่าเรียกฉันแบบนั้น ฉันไม่ใช่เทียนเจินอู๋เสียอีกต่อไปแล้ว" ผมโบกไม้โบกมือ พอทานไอศครีมจนเสร็จก็ทิ้งเศษกระดาษกับโคนที่กินไม่หมดทิ้งลงถังขยะ เดิมทีผมไม่ชอบทานของหวาน แต่ก็ยอมซื้อไอศครีมรสชามาทานเป็นเพื่อนยายหนูในฐานะคนพาเที่ยวที่ดี พอกินเสร็จแล้วก็รู้สึกเลี่ยนๆ จนอยากดูดบุหรี่ขึ้นมา

"ได้ งั้นฉันจะเรียกพี่ว่าพี่จุดจุดจุด พี่จุดจุดจุดที่ฉันเคยอยากแต่งงานด้วยแท้ๆ แต่กลับลืมกันไปเสียได้ ไม่คิดเลยว่าที่แท้พี่จะไม่มีความเสน่หาในเพศหญิงมาตั้งแต่แรกแล้ว"

"ไม่เอา"

"งั้นฉันเรียกพี่ว่าอาสามแล้วกัน" ซิ่วซิ่วตรงเข้ามาคล้องแขนผมอีกครั้ง

"ฉันไม่ใช่อาสาม"

ซิ่วซิ่วไม่ฟัง เธอส่งเสียงร้องฮึอีกครั้ง เรียกผมว่าอาสาม แล้วคล้องแขนกับผมที่จุดบุหรี่สูบเดินไปตลอดทาง


×××


ผมไปส่งซิ่วซิ่วที่สนามบินค่ำวันนั้น หังโจวเป็นเมืองใหญ่แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่มาก หากตั้งใจจริงๆ ทริปสั้นสามารถจบได้ในวันเดียว ซิ่วซิ่ว (ที่ยังคงเรียกผมว่าอาสาม) ดูอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ตอนที่แยกตัวกลับปักกิ่ง ไม่รู้ว่าอารมณ์ดีอะไรนักหนา อาจจะสนุกที่ได้แกล้งปั่นหัวผมจนพอใจแล้วก็กลับไป

ผมถอนหายใจตอนมองส่งเธอเข้าเกตจนลับสายตา รับมือกับจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์ทั้งวัน แทบจะสูบพลังชีวิตผมไปหมดตัว รู้สึกแก่ลงไปอีกสิบปีจนใกล้จะเป็นอาสามไปแล้วจริงๆ

ผมสูบบุหรี่พลางครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอขณะขับรถกลับบ้าน...เมินโหยวผิง...จางฉี่หลิง...ในสายตาคนอื่น ผมดูให้ความสำคัญกับเขามากมายจนผิดสังเกตเชียวหรือ? หากซิ่วซิ่วไม่ทักขึ้นมา ผมเองก็คงไม่รู้ตัว

ผมพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย เพราะเรื่องราวของเขาน่าสนใจ? เพราะผมจมลึกลงไปในเรื่องราวปริศนาจนยากจะถอนตัว? หรือเพราะเขาคือเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายคนสำคัญของผม? จะพยายามคิดอย่างไรก็ไม่อาจหาเหตุผลที่มีน้ำหนักพอมาอธิบาย หรือว่าผมจะ...ไม่ใช่โว้ย! ผมไม่มีทางคิดกับหมอนั่นไปในทางชู้สาวได้หรอก!

ผมเก็บเรื่องนี้ไปคิดแม้กระทั่งยามหัวถึงหมอน เมื่อนอนหลับจึงฝัน

ฝันว่าตัวผมยืนอยู่หน้าประตูสำริดที่เปิดออก เสี่ยวเกอตัวเปี๊ยกยืนรอผมอยู่ในนั้น ดาบโลหะดำของเขาบัดนี้ดูใหญ่เทอะทะเกินตัว แต่ร่างกายกระจิริดกลับถือศาสตราวุธประจำกายไว้อย่างมั่นคง

มือข้างหนึ่งของเสี่ยวเกอตัวน้อยอุ้มตัวผมเอาไว้ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล จากนั้นเขาก็เงื้อดาบฟาดฟันศัตรู คุ้มกันพวกเราจากบรรดานกหน้าคน

ผมที่เป็นฝ่ายโดนเขาอุ้มอยู่ในอ้อมแขนถึงกับทำหน้าไม่ถูก ได้แต่จ้องมองใบหน้าด้านข้างของสหายร่วมเป็นร่วมตาย ที่บัดนี้เหมือนถูกลดอายุลง กลายเป็นเพียงเด็กชายเมินโหยวผิง ในใจอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ ที่แท้เสี่ยวจางตอนเด็กๆ ก็หน้าตาเป็นอย่างนี้เอง

พลันเมินโหยวผิงหันหน้ามามองผมที่อยู่ในอ้อมแขนเขา เผยรอยยิ้มบางขณะเรียกชื่อผม "พี่ชายอู๋เสีย"

...แล้วผมก็สะดุ้งตื่น

ผมลุกพรวดขึ้นจากเตียง รู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนมาก หัวใจเต้นแรงมาก แทบได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองก้องสะท้อนอยู่ในอากาศ

เสียงเรียก "พี่ชายอู๋เสีย" ยังติดอยู่ในหัว คราวนี้รู้สึกพิเศษเสียยิ่งกว่าใครอื่นเป็นคนเรียก ชัดเจน แน่นอน

หรือว่า...หรือว่า...

ยิ่งคิดก็ยิ่งใจเต้นแรงยากจะปฏิเสธ

ผมรู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้ที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน อยากวิ่งออกไปตะโกนใส่ทะเลสาบกลางดึก ณ ตอนนี้

ฮั่วซิ่วซิ่ว! เรื่องนี้เธอต้องรับผิดชอบ!!



+++

END
04/02/2015



#dmbjdaily 195 days left : เพื่อน (Friends)



Talk Time:

วิ่งมาส่ง #DMBJdaily แบบเลตๆ ค่ะ *กรีดร้อง*

อันนี้เป็นหัวข้อเดลี่ของเมื่อวาน หัวข้อ "เพื่อน" ค่ะ (ส่วนเดลี่ของวันนี้หัวข้อ "มิตรภาพ" ฟังดูคล้ายๆ กัน จริงๆ จะเนียนส่งก็ได้ แต่คิดว่าหัวข้อ "เพื่อน" จะตรงกับเนื้อหาในฟิคมากกว่า เลยขอส่งเลตแทนแล้วกันค่ะ)

เลาอยากเขียนซิ่วเสียมานานแล้ววววว *ลากเสียงยาว* ไม่อาจพูดได้ว่าเป็นแฟนคลับซิ่วซิ่ว แต่ก็อยากลองเขียนความสัมพันธ์ของน้องสาวพี่ชาย (?) คู่นี้ดูค่ะ ก่อนหน้านี้ยังไม่มีพลอต แต่พอเห็นหัวข้อเดลี่ปุ๊บ ภาพมาเลยค่ะ ไม่ได้การแล้ว ต้องเขียนให้ได้ ...แต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นผิงเสียอยู่ดีแหละนะคะ 5555

ไม่แน่ใจว่าเขียนซิ่วซิ่วหลุดคาแรกเตอร์ไหม แต่ส่วนตัวชอบซิ่วซิ่วที่เกรียนแตก (?) แบบนี้แหละค่ะ สาวรุกหน้าใส ปิ๊งๆๆ รังแกพี่อู๋เสียรัวๆ แล้วก็จากไป แงงง ฮือ ชอบอะ อยากอ่านเยอะๆ แต่คนแต่งน้อย เราก็ต่อแพแต่งเอง (แจวแพไปมา หลุดกลับเรือใหญ่อย่างงงๆ ไปอีกแล้ว แต่คิดว่าน้องฟุซิ่ว เอ้ย น้องซิ่วซิ่วคงไม่ขัดข้องแต่อย่างใด 5555)

จะว่าไป เครดิตของเรื่องนี้ต้องยกให้ถุงเท้าที่ส่งมาค่ะ ระหว่างว่างๆ (นอนรอโรงพิมพ์ส่งของมา) ก็ไปเปิดดูถุงเท้าเล่น เห็นมีรีเควสต์หนึ่งบอกอยากเห็นซีนที่ "รู้ใจตัวเอง" ถูกใจอ้ะ! มุฮ่าาาา เอาแบบนี้แหละ! ลองเขียนดูซะเลยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ในรีเควสต์ระบุว่าอยากเห็นทั้งสองฝั่ง จางฉี่หลิงกับอู๋เสีย เพราะฉะนั้นอันนี้ให้ถือว่าเป็นตัวทดลองเขียนไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะพยายามคิดรูทใหม่ (?) ไว้ส่งเป็นของขวัญในถุงเท้าให้ดีๆ อีกทีหนึ่งค่ะ


×××


โซนใส่คำแก้ตัว: โฮฮฮ ฮรูม ไม่ได้เขียนฟิคมานานมากค่ะ นับตั้งแต่ช่วงที่ลงพรีวิวฟิคผิงเสียที่จะลงรวมเล่มไป ก็แทบไม่ได้แตะงานเขียนอีกเลย เพราะวันๆ ทำแต่ตรวจอ่านฟิค, เลย์เอาต์, เลย์เอาต์, เลย์เอาต์, ตรวจฟิคตัวเอง, ตรวจฟิคเพื่อน, เลย์เอาต์, เลย์เอาต์, เลย์เอาต์, ทำกราฟิกลงเล่ม, ทำเลย์เอาต์ที่คั่น, ทำกราฟิกปก, ทำหน้าคั่น, ตรวจพีดีเอฟ, ตรวจเล่ม, แก้สีปก, แก้สีที่คั่น, ตอบเมล, ตอบทวีต, ทำบัญชีไปด้วย, คุยกับธนาคารไปด้วย, แล้วก็กลับไปขยับเลย์เอาต์ แล้วทำเล่มต่อ (´;д;) ไม่ได้เขียนมาสักพักใหญ่เลยจริงๆ หากสำนวนภาษาอาจจะแปลกๆ ไปบ้างโปรดให้อภัยด้วยนะคะ

ส่วนสถานการณ์รวมเล่มฟิค 一生 十年 "หนึ่งชีวิต สิบปี" ตอนนี้ อยู่ในขั้นตอนนอนขูดพื้นกระดานท่าน้ำรอโรงพิมพ์เอาหนังสือมาส่งอยู่ค่ะ พี่ฟาสต์รู้ไหม น้องมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย _(:3 」∠)_ เห็นว่าพิมพ์เสร็จแล้ว แต่รอคิวรถส่งหนังสืออยู่แหละค่ะ /ยืนรอที่ท่าน้ำต่อไป

ทั้งนี้ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่จัดส่งหนังสือได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ถ้าได้หนังสือมาแล้วเราจะพยายามแพ็กให้ไวที่สุด หวังว่าเมื่อของส่งถึงมือ จะไม่ทำให้เพื่อนด้วงผิดหวังค่ะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ *โค้งรัวๆ*

ด้วยรัก จากด้วง M.

ปล. อะไรนะ? ทอล์กยาวจนลืมไปแล้วว่าจะคอมเม้นต์อะไรเหรอคะ? ไม่เป็นไรค่ะ เลื่อนกลับขึ้นไปอ่านฟิคนี้ใหม่อีกรอบก็ไม่ว่ากันค่ะ เลิฟ ,,U w U,,)๗

4 ความคิดเห็น:

  1. ซิ่วซิ่ว กู้ดจ๊อบ!! ต้องขอคารวะจากใจจริงๆค่ะงานนี้โฮฮฮฮฮฮฮฮ ไอเดียสาวน้อยบรรเจิดเลิศล้ำ คนอ่านแบบเรานี่ก็อยากได้น้องชายแบบนี้ด้วยเลยค่ะ/////////

    นึกภาพเสี่ยวจางอุ้มพี่ชายอู๋เสียตามแล้วอดขำไม่ได้เลยค่ะ แถมนายเป็นพี่ชายเขาแต่ให้เขาปกป้องอย่างองอาจกล้าหาญ ขอส่ายหน้าไปขำพี่ชายคนนี้ไปสักสองสามทีนะคะ

    อ่านจบเห็นหัวข้อเดลี่แล้วเกือบหลุดกร๊ากเลยค่ะ มิตรภาพ(พ่องง)ระหว่างเพื่อน(?)เนี่ยช่างสวยงามเหลือเกิน XD

    ตอบลบ
  2. น่ารักค่ะ น่ารักมาก ใสๆ ใจเต้นรัวเลยสินะเทียนเจิน
    อยากวิ่งออกไปตะโกนใส่ทะเลสาบพร้อมเทียนเจินเลยค่ะ
    >__________<

    ตอบลบ
  3. ชอบที่ซิ่วๆเรียกอู๋เสียว่าพี่จุดจุดจุดจังเลยค่ะ น่ารักมาก 55
    ซิ่วๆนี่เป็นสาวที่เราชอบที่สุดในเรื่องเลยล่ะค่ะถ้าเสี่ยวฮัว/อู๋เสียต้องแต่งงานจริงๆเป็นเธอเราก็ไม่ขัดนะคะ แต่ทั่นประมุขดันตัดบทให้ชอบเสี่ยวฮัวซะก่อน สงสัยได้ใช้มิตรภาพ?กับจางฉีหลิงชั่วชีวิตแน่ๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งโมเม้นน่ารักๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ รอพาร์ทก็พ่อเมินอยู่อย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะค่ะ > w < b

    ตอบลบ
  4. โอ้ย ตบพื้นรัวๆ ทั้งขำทั้งน่ารัก ขนาดเก็บมาฝันท่าทางจะดาเมจแรงจริงๆ ยกนิ้วให้ซิ่วซิ่ว สาวน้อยกู้ดจ็อบจ้า >0< อ่านแล้วใจเต้นจนอยากวิ่งไปตะโกนใส่ทะเลสาปเป็นเพื่อนนายน้อยสามเลย 555+

    ตอบลบ