วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[Daomu Fan-fiction][黑盟] He does not love me 1

 

"He does not love me"

ชุดที่ 1

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) Fan-fiction
Pairing: 黑盟 เฮยเหมิง (เฮยเสียจื่อxหวังเหมิง)


**Spoiler Warning**




-1-

เฮยเสียจื่อหยุดมองด้วยความสงสัย

หน้าร้านของเขามีรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่...รถคันนี้คุ้นตาเสียจนต้องมองเป็นรอบที่สอง แต่ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในเขตของร้าน เขาก็ได้คำตอบ

ที่หน้าประตูร้าน มีร่างหนึ่งกอดเข่าคล้ายจะขดตัวให้เล็กที่สุด เขาเดินเข้าไปใกล้จนแทบจะเหยียบถูกอีกฝ่ายก็ยังไม่ขยับเขยื้อน

ฝ่ายนั้นเงยหน้ามองเขา ไม่ต้องรอให้อ้าปากถามก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา ใบหน้านั้นคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม จนดูไม่ออกว่าดีใจหรือโศกเศร้า

"ผมโดนเจ้านายไล่ออกแล้ว...ได้เงินมาเพียบเลยด้วย ได้รถอีกต่างหาก"

พูดจนจบประโยคแล้วคนพูดก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม หากเป็นปกติ...หรืออย่างน้อยกับคนอื่น ป่านนี้เฮยเสียจื่อคงเตะไล่หรือไม่ก็เดินข้ามไม่ให้ความสนใจ แต่ไม่รู้ทำไม คราวนี้เขากลับเลือกที่จะนั่งลงข้างๆ เท้าคางแหงนมองท้องฟ้า

"เจ้านายบอกให้ผมไป ผมก็ยอมไป" ฝ่ายนั้นเอ่ยออกมาด้วยเสียงยานคาง "...แต่ผมสงสัย ถ้าตามเจ้านายไปจะดีกว่าไหม" จากนั้นเขาก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายคนละเมอ 

จากนั้นก็เงียบไป...

เขาที่ฟังจนจบจึงเริ่มเล่าบ้าง เขาพูดถึงสิ่งที่พบเจอหลังจากแยกกัน มีหลายช่วงที่เอ่ยถึงลูกศิษย์จำเป็นคนนั้นจะมีเสียงหัวเราะปะปนอยู่บ้าง

"ดีนะ"

"หืม"

"มีคนที่ไม่กลัวคุณเสียที"

"เสียมารยาทน่า" เขาโบกไม้โบกมือ

จากนั้นพวกเขาก็เงียบกันไปอีกครั้งหนึ่ง

"ทำไมถึงมาที่นี่ได้"

"แว่นตา" คนถูกถามตอบ ก่อนเคาะแว่นตากันแดดในกระเป๋า "ของร้านคุณ"

"...อ้อ" เขาตอบรับ ก่อนเปลี่ยนคำถาม "แล้วมาทำไม"

"ไม่รู้" อีกฝ่ายตอบตรงๆ "ผมไม่รู้เหมือนกัน...แต่ไม่รู้จะไปหาใครแล้ว"

"ทำไมไม่กลับบ้าน"

"กลับไปก็ได้แต่นอน"

"งั้นก็กลับไปนอนไป"

"นอนไม่หลับ"

"..."



หลังจากนั่งนิ่งๆ กันไปได้สักพัก อาจเพราะเพิ่งผ่านวิกฤตอันตรายมา หรืออาจจะแค่เพราะสมองเขาเพี้ยนไปเพราะเชื้อประหลาดในอากาศ...จะแบบไหน เขาก็ถามออกไปโดยไม่ตั้งใจว่า "ร้านฉันยังไม่มีลูกจ้างนะ"

"...น่าสงสัยว่ามีลูกค้าหรือเปล่าเถอะ" อีกฝ่ายตอบกลับมาโดยอัตโนมัติ

พอถูกถามแบบนี้คนที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงในชีวิตก็ลุกขึ้น พลางใช้ขาเขี่ยอีกฝ่าย "...ถอยไป บังหน้าร้านฉัน"

ฝ่ายนั้นกระถดตัวหลบอย่างว่าง่าย เฮยเสียจื่อเปิดประตู เดินเข้าร้านไป ขณะคิดว่าจะทำอะไรก่อนดีก็ได้ยินเสียงเรียก "เฮ้"

เขาหยุดชะงักเท้า สองมือล้วงกระเป๋า ยืนหันหลังให้ในท่าคล้ายจะบอกว่า 'พูดมา ฉันไม่มีเวลาให้นายขนาดนั้นหรอกนะ'

"เงินเดือนมากกว่าหกร้อยหยวนหรือเปล่า" คำถามนั้นเลื่อนลอยเสียจนรู้สึกคล้ายกับไม่ได้ถามเขา แต่กำลังพูดกับใครสักคน

คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนหันกลับไปชี้ไปที่ซองหนาเตอะในมืออีกฝ่าย "นายได้ค่าทำขวัญมาเยอะแล้วนี่ หกร้อยก็พอแล้ว"

อีกฝ่ายทำหน้าเซ่อ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา "นั่นสินะ คนแบบผม หกร้อยก็พอแล้ว"




-2-

"เถ้าแก่เฮย"

"เรียกอย่างอื่นเถอะ ฟังแล้วเหมือนเจ้าของเก่านายเกินไป" เฮยเสียจื่อเอ่ย

"เจ้าของเก่า..." อีกฝ่ายพึมพำ ก่อนเอ่ย "งั้นก็...พี่เฮย ผมถามอะไรหน่อย"

"ว่ามา"

"คือ...ผมสงสัย ไอ้แว่นเนี่ย มีคนใช้ด้วยเหรอ" คนพูดคีบแว่นตาอันหนึ่งขึ้นมา มันเป็นแว่นตาเลนส์กลม ข้างในมีลวดลายก้นหอย

คนถูกถามเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนแผดเสียงหัวเราะออกมาคล้ายนึกเรื่องสนุกอะไรบางอย่างได้ เขาหัวเราะอยู่นาน ก่อนตอบคำถาม "มีสิ...มีอยู่แล้ว"

"ไม่น่าเชื่อ" ลูกจ้างคนใหม่ของเขาพึมพำ "เป็นคนแบบไหนกันนะ"

"ฮ่า เป็นคุณตาเจ้าอารมณ์คนหนึ่งน่ะ"

"คุณตา?...เหอ"

"อะไรกัน ที่นายเห็นเป็นแบบจำลอง ของจริงน่ะ กรอบทำมาจากโลหะเดียวกับที่ใช้ในการตีกระบี่อิงฟ้า ส่วนเลนส์นั่นก็ทำมาจากกระจกทองเหลืองของพระโพธิสัตว์เชียวนะ"

"..." คนฟังนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเก็บแว่นตาลงที่เดิม จากนั้นก็ขยับให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนนั่งหลับต่อ...เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรเสียเวลาและพลังงานในการกระทำเลยจริงๆ

"ให้ตาย" เจ้าของร้านขมวดคิ้วพลางบ่น "เป็นลูกจ้างที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย"

คนที่ยังไม่หลับดีก็อดโต้กลับในใจไม่ได้...คุณมันก็ไม่ได้เรื่องไปกว่าผมหรอกน่า!



...เจ้านาย ตอนนี้คุณอยู่ไหนกันนะ




-3-

".......เหวอ!"

ทันทีที่เปิดประตู โลกด้านนอกก็มีเพียงหมอกสีเทาทึบ ตึกรามบ้านช่องทั้งหมดราวกับละลายหายไป

"ฮื่อ ตื่นเช้ามาก็เป็นแบบนี้แล้ว" คนพูดลากลูกจ้างเข้ามาในร้านพลางปิดประตู "ฉันเผลอนึกว่าตัวเองตาบอดสนิทไปแล้ว...คราวก่อนก็แบบนี้แหละนะ" ท่อนสุดท้ายเขาบ่นกับตัวเอง

"ตกลงนี่ยังไม่บอด?" คนถามยื่นหน้าเข้าไปจ้องใกล้ๆ

เฮยเสียจื่อเพียงยิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ผลักอีกฝ่ายออกห่างตัว

"ตาคุณนี่มันอะไรกันแน่"

"หืม" คนพูดแตะแว่นตากันแดดของตัวเอง พลางยิ้มน้อยๆ "อยากได้ข้อมูลก็ต้องแลกด้วยข้อมูล มีอะไรน่าสนใจล่ะหนูน้อย"

ฝ่ายนั้นเงียบไป คล้ายกำลังคิด ก่อนอ้าปากเริ่มเอ่ย "เจ้านายผม..."

"ไอ้ที่ไม่ใช่เจ้าของเก่าของนายน่ะ" เฮยเสียจื่อรีบขัดคอทันที ก่อนนึกอะไรขึ้นได้ จึงเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ รอยยิ้มบนใบหน้าออกอาการกระเซ้าเย้าแหย่ชัดเจน "ไม่อย่างนั้น...จะแลกด้วยร่างกายก็ได้นะ พ่อลูกจ้าง"

"..." อีกฝ่ายเพียงกะพริบตาสามสี่ที จากนั้นก็มองหาเก้าอี้เตรียมนั่งหลับต่อ

"นายนี่ไม่รับมุกเอาซะเลย เหมือนเจ้าของเก่าเป๊ะ" เขาบ่น พลางส่ายศีรษะ

"..." คนฟังไม่คิดตอบโต้อะไร เพียงแค่กอดอกและหลับตา...สภาพอากาศเช่นนี้คงไม่มีลูกค้า เพียงแต่ อากาศเริ่มเย็นแล้ว...ทำเอาอดขดตัวด้วยความหนาวไม่ได้



หวังเหมิงหลับตา จมจ่อมลงไปในห้วงนิทราอันเงียบงัน ฝันว่าตนเองกำลังหลับอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แว่วเสียงเจ้านายกำลังเอ็ดตะโร...กลับสู่หังโจวในกาลก่อน

เพราะฝันเช่นนี้ บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ตนเองควรหอบเงินที่มี ขับรถกลับไป ฝังทุกอย่างเอาไว้ เริ่มต้นชีวิตใหม่

ครั้นคิดเช่นนี้ ส่วนลึกๆ ในใจก็บอก...ตอนนี้เมืองเต็มไปด้วยหมอก รอให้ซาก่อน แล้วค่อยคิดดูอีกที

ถึงตอนนั้นตัดสินใจก็ยังไม่สายเกินไป

ใช่แล้ว ไม่มีอะไรสายเกินไป




-4-

"..." เฮยเสียจื่อนั่งเท้าคาง มองคนกำลังเต้นแรงเต้นกา ในมือของเขามีกระป๋องเบียร์ ว่างๆ ก็จิบทีละน้อย

ก่อนนี้เพิ่งหาทางกรอกเหล้าเข้าปากลูกจ้างคนใหม่ หมอนั่นโวยวายอยู่นานกว่าจะยอมดื่ม พอดื่มเข้าไปแป๊บเดียวก็เมาแอ๋ สั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างว่าง่าย เขานึกครึ้ม จึงร้องสั่ง "ไหนร้องเพลงซิ"

"เพลง...เพลงอาราย" ฝ่ายนั้นเอ่ยด้วยเสียงยานคาง

"เอาสักเพลงที่นายชอบ" เขาเอ่ยยิ้มๆ พลางคิด...ไม่ได้ไปคาราโอเกะนานแล้วจริงๆ

"จัด-ห้ายยยย"

แล้วหมอนั่นก็เริ่มร้องเพลง เสียงร้องสูงๆ ต่ำๆ ผิดคีย์ทำเอาคนฟังนิ่วหน้า... สำหรับเขาแล้ว ดนตรีคือสุนทรียศาสตร์อย่างหนึ่ง แต่ที่หมอนี่กำลังทำคือฉีกทึ้งความสุนทรีย์จนพินาศย่อยยับ

"ไม่ไหว...ทักษะทางดนตรีของนายนี่มัน" เฮยเสียจื่อส่ายหัวขณะจรดกระป๋องเบียร์และดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่ ครั้นดื่มหมดก็ทดสอบด้วยการโยนกระป๋องเบียร์ใส่ "เอ้า รับน้า~"

กระป๋องเปล่าหมุนคว้างกลางอากาศ ก่อนฟาดเข้าที่กลางหน้าผากของคนที่หมุนซ้ายหมุนขวาด้วยท่าทางงกๆ เงิ่นๆ เกิดเป็นเสียงทึบๆ ...อุ๊บ

ร่างนั้นทรุดตัวลง สองมือกุมศีรษะ จากนั้นก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ "...แล้ว"

"เฮ้ๆ..." แกล้งมากไปเรอะ เขาคิดขณะเปิดอีกกระป๋องให้ตัวเอง

"ม่าย~อาว~ แล้วววววว เจ้านายยยยย โฮ"

"..." เขาจิบเบียร์ กินกับแกล้ม มองผู้ใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่กลางพื้นห้อง ร้องไห้เป็นเด็กเล็กๆ ปากพร่ำบ่นถึง 'เจ้านาย' ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ หลังมองอยู่นาน ท้ายสุดเขาก็กระดกเบียร์คำสุดท้าย จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้

ฝ่ายนั้นยังคงนั่งร้องไห้คร่ำครวญไม่สนใจโลกใบนี้ เฮยเสียจื่อทรุดตัวลงนั่งยองๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะ ทำท่าเหมือนลูบสุนัขหรือแมวสักตัว "เลิกร้องเถอะน่า..."

"คุณทำผมหัวโนอีกแล้ว"

...อีกแล้ว? เขากะพริบตา ไอ้ครั้งที่แล้วมันครั้งไหนกัน เขาพยายามนึก แต่เท่าที่จำได้ คนหัวปูดจนแทบกลายเป็นเสาโทเท็มมันคือเจ้าของคนเก่าของไอ้หมอนี่...นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก สุดท้ายจึงปล่อยผ่านไป

"โอ๋ๆ เพี้ยงๆ ไหนโนตรงไหน" เฮยเสียจื่อปัดปอยผมของอีกฝ่ายขึ้นมา บนหน้าผากมีรอยแดงเล็กน้อย เนื่องจากเขาจงใจโยนแบบไม่ใส่แรงมาก และกระป๋องก็ว่างเปล่า...ขืนลงมือแบบใส่แรงจริงๆ เขาขี้เกียจต้องมานั่งจัดงานศพให้ลูกจ้างอีก "นิดเดียวเอง"

"เจ็บ" ฝ่ายนั้นมีน้ำตาคลอ

"นี้ดดดด~ เดียวจริงๆ" เขาทำเสียงสูง

"ผมเจ็บ"

สภาพอิหลักอิเหลื่อเหมือนรับมือกับเด็กสามขวบในยามนี้ทำเอาเขาได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา ก่อนเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องเบียร์เย็นๆ มาแนบให้ อีกฝ่ายสะดุ้งโหยงพลางร้อง "เย็น...ม่ายอาว..."

...คนเมานี่มันวุ่นวายจริง! เฮยเสียจื่อวางกระป๋องเบียร์ลง จากนั้นก็เกาหัวแกรกๆ ขณะมองคนที่ร้องเจ็บๆ เจ็บๆ ท้ายสุดเขาหยุดคิดอยู่หลายนาที ก่อนค่อยๆ แนบริมฝีปากลงไปตรงรอยแดงจางๆ

กับเด็กๆ มันคงต้องแบบนี้แหละ

ได้ผล...เด็กงอแงถึงกับหยุดชะงัก ทีแรกเขานึกดีใจ แต่แล้วกลับถูกโถมเข้าหาทั้งตัว จากนั้นก็ถูกกอดเอาไว้ "เฮ้ย เสื้อฉันไม่ใช่ที่เช็ดน้ำมูกนายนะ"

อีกฝ่ายไม่ฟังอะไรสักนิด เพียงแต่กอดเขาไว้แน่น ปากพึมพำ "เจ้านาย...เจ้านาย..."

...เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยหักเงินเดือน เขาคิดอย่างเลื่อนลอย

ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะหมดลง ฤดูหนาวกำลังจะเข้ามาแทนที่ เฮยเสียจื่อทิ้งตัวนอนแผ่อยู่บนพื้นอย่างเกียจคร้าน บนร่างมีคนพยายามเบียดกายซุกหาไออุ่น ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจประสานกับเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะหนักแน่น

ดวงตาหลังแว่นตากันแดดหลับลงช้าๆ เอาไว้คราวหน้าจะต้องพาหมอนี่ไปฝึกร้องเพลงที่คาราโอเกะให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อเขาที่เป็นเจ้าของหมด!




-5-


"ไหนร้องเพลงซิ"

วันนี้เขาลากลูกจ้างมาที่ร้านคาราโอเกะ ตั้งใจจะทดสอบฝีมือเสียหน่อย วันก่อนตอนเมาหมอนี่ร้องเพลงได้ทำลายประสาทหูของเขามาก ฝ่ายนั้นส่ายหัวดิกไม่ยอมร้อง เขาต้องขู่อยู่สักพักจึงยอมจับไมค์

ครั้นได้ฟัง เฮยเสียจื่อก็เข้าใจแล้วว่าไอ้หมอนี่มันร้องเพลงห่วยแตกโดยไม่จำเป็นต้องเมา

หลังทนฟังเสียงร้องทำลายโสตประสาทไปได้พักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้...เวลายังเหลืออีกนิดหน่อย เขาจึงลุกขึ้น "มา ฉันร้องเองดีกว่า"

จากนั้นเขาก็เลือกเพลง อีกฝ่ายนั่งฟังเขา แล้วก็ตาเบิกโพลง "คุณร้องเก่งนี่"

...เทียบกับนายแล้วให้แย่แค่ไหนก็เรียกร้องเก่งนั่นแหละ เฮยเสียจื่อนึก ขณะเลื่อนหน้าจอไล่หาเพลง ระหว่างนั้นก็เอ่ยถาม "อยากฟังเพลงอะไรหรือเปล่า"

คนถูกถามเงียบไป ก่อนเอ่ย "นางพญางูขาว"

เฮยเสียจื่อนิ่งไปครู่หนึ่ง นางพญางูขาว...ตำนานคู่ทะเลสาบซีหูของหังโจว หึ

...จนถึงที่สุดก็ยังไม่ลืมเจ้าของเก่าอยู่ดี

"นายนี่มันดื้อด้านนะ" เขาถอนหายใจ

"ไม่ดื้อด้านก็อยู่กับเจ้านาย...คนเก่า ไม่ได้หรอก" อีกฝ่ายตอบเขาด้วยดวงตาเลื่อนลอย

เฮยเสียจื่อยิ้มจางๆ จากนั้นก็ร้องเพลง ขณะเหลือบมองไปทางคนฟัง เห็นฝ่ายนั้นนัยน์ตาเลื่อนลอยราวกับจมอยู่ในห้วงความคิด

หลังจากนั้นร้านแว่นเล็กๆ ในปักกิ่งก็เพิ่มวันหยุดพิเศษหนึ่งวันสำหรับออกรอบคาราโอเกะของเจ้านายและลูกน้อง




+++

END
13/10/2014







Talk Time:

หายไปเสียนานกับเรือไม้จิ้มฟันไซส์มินิ กลับมาทีเป็นล็อตค่ะ (ฮา)

ยังไม่แน่ใจว่าจะมีอีกกี่ชุด แต่คิดตอนจบไว้คร่าวๆ แล้ว คงออกแนว Slice of Life ไปสักหน่อยนะคะ ยังไงก็ไม่มีในรวมเล่มเน้~

อยู่จีนเป็นเรือแรร์ อยู่ไทยนี่...ยืนมองทะเลสาบซีหู ลมพัดฟิ้วววว *พี่ชาย ฉันหนาว*

อนึ่ง ขอทำความเข้าใจตรงนี้ว่าเราจะไม่เตือนออกหน้าออกตา อ่านตรงแพร์ริ่งกันเอาเองดีๆ นะคะ (เพราะกลับไปคิดแล้วสงสัยว่าตูจะเตือนประหนึ่งเป็นไวรัสซอมบี้ไปทำไมเนี่ย โฮ) ออกปากไว้ก่อนเน้อ ทางจีนแพร์ริ่งนี้หลายคนถึงขั้นต้องเขียนจั่วว่า "ฉันก็ชอบคุณชายฮัวเหมือนกันนะ" หรือ "สำหรับเฮยฮัว ไม่ชอบก็ปิดไปเถอะค่ะ" เราไม่อยากมานั่งเขียนแบบนี้เลยค่ะ OTL

ไม่ใช่ไม่ชอบคุณชายฮัวนะคะ ชอบมาก (แค่เก๊าเป็นฮัวเสียมากกว่าอะ /โดนตี) แต่แควนๆ เรือใหญ่ทางจีนบางทีเห็นแล้วเราอดก็หลั่งน้ำตาไม่ได้ ดังนั้นอยู่ที่ไทยในอาณาเขตตัวเอง เราก็ไม่อยากทำตัวเป็นไวรัสซอมบี้ หวังว่าจะเข้าใจเน้ m(_ _)m

ย่อยมุก
- ชื่อเรื่องมาจากเพลง 他不爱我 (เขาไม่รักฉัน) http://www.youtube.com/watch?v=frq1dpY9E8M
- แว่นตาของซื่ออากง (?)
- ช่วงนี้ปักกิ่งหมอกมลพิษหนามาก ชนิดที่ตึกทั้งหลังหายไปได้เลยค่ะ คุณหนานไพ่มีเขียนเป็นช็อตสั้นๆ ออกมา มีพี่เฮยจึ๋งนึง เราก็สอยมาเขียนซะ
- พี่แว่นดำแก (ถ้าแงะไม่ผิด) เคยเรียนทางดนตรีมาก่อนค่ะ
- เพลงนางพญางูขาว คือเพลง 千年等一回 หาฟังกันได้นะคะ...เวอร์ชันนี้มั้งที่ช่องสามฉายสมัยก่อน (จำไม่ล่ายเลี้ยว) ที่เอาผู้หญิงมาเล่นเป็นพระเอก ← ดูมาทั้งเรื่อง พลาดดูตอนจบ เจ็บใจที่สุด

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 ตุลาคม 2557 เวลา 08:41

    เด็กขี้อ้อนนี่น้า มันเขี้ยวอยากกอดฟัด ๆ ๆ จัง

    ตอบลบ
  2. สาวน้อยเรือข้างๆ14 ตุลาคม 2557 เวลา 11:48

    พี่เฮยยยยย เอาใจช่วยนะคะ ฮือ ช่วยฟื้นฟูจิตใจหวังเหมิงที่เป็นหนูหงอยด้วยการแกล้งแรงๆ จนกว่าจะลืมเลยค่ะค่ะค่ะค่ะค่ะ

    ตอนอ่านถึงอันที่ 3 นึกว่าจะขึ้นเตียงซะแล้ว ชิ (ยัง)ไม่ขึ้นหรอกเรอะ

    ตอบลบ
  3. หน้ากากด้วงใส่ไปนานๆก็ถอดไม่ได้แล้วโกะ14 ตุลาคม 2557 เวลา 18:22

    แอร๊ ตอนหน้าจะมีฉากฟัดนัวเนียๆเยอะๆมั้ยคะ

    ตอบลบ
  4. กร๊า แควนดอกไม้ปิศาจในไทยไม่ดุร้ายขนาดนั้นมั้งค่ะ มีรักสงบอยู่แถวนี้คนนึงนะ /โดดๆ

    เน้นเรื่องเจ้าของเก่าทีไรก็จี๊ดขึ้นมาเลยค่ะ สู้เขานะเหมิงเหมิง เหมิงเหมิงน่ารัก เหมิงเหมิงโมเอะ แหงะๆๆ มีแซะซื่ออากงด้วย ถถถถถถ



    ตอบลบ