วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

[Daomu Fan-fiction][AU Restart] Forget 03: คู่หู


"Forget - ลืมเลือน-"

03: คู่หู 

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) AU Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย) & 二环 เอ้อร์หวน (อู๋เอ้อร์ไป๋xเซี่ยเหลียนหวน)

ตอนก่อนหน้า: ตอนที่ 1 || ตอนที่ 2


**Warning: แฟนฟิคเรื่องนี้เป็นนิยาย AU (โลกสมมติ) นะคะ**


...จูบ? ผมเลิกคิ้ว

แน่นอนว่าคำพูดของอาสามเชื่อถือไม่ได้สิ้นดี ผมเรียกได้ว่าถูกหลอกเป็นประจำ น่าแปลกที่เมื่อคุณถูกหลอกมากๆ เข้า วันหนึ่งคุณจะพบว่าตัวเองสามารถแยกออกอย่างง่ายดายว่าเรื่องใดจริง เรื่องใดเท็จ

อาสามโกหกผม คำโตเลยด้วย

ขณะกำลังครุ่นคิด ผมก็พบว่าเจ้าหนูหลับตาพริ้ม ดูเหมือนจะไปเฝ้าโจวกงเสียแล้ว...ให้ตายเถอะ ไม่รู้ชาติก่อนทำกรรมอะไรกับบรรพบุรุษน้อยคนนี้เอาไว้กันแน่ ถึงได้ต้องมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเช่นนี้ แต่ในตอนที่คิดว่าจะอุ้มเขาไปนอนดีหรือไม่ จู่ๆ ดวงตาคู่นั้นก็ลืมขึ้น

"!" ผมสะดุ้งโหยง แม้หลายปีมานี้จะสั่งสมความสุขุมขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน แต่ก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดี

เจ้าหนูนั่นตัวสั่นไม่หยุด ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากอ้าค้าง อารามตกใจทำให้ผมคว้าร่างนั้นเอาไว้ ภายในดวงตาไร้อารมณ์คู่นั้น ชั่วขณะหนึ่งผมมองเห็นอะไรบางอย่างฉาบทาอยู่ แต่เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เดียว

"..." เจ้าหนูคล้ายพยายามจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ปราศจากเสียงเล็ดลอดออกมา ผมตบแก้มเย็นเฉียบของเขาสามสี่ที แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกตัว

เขากระตุกอีกสองสามครั้ง ก่อนจะค่อยๆ สงบลง ร่างอ่อนยวบอยู่ในอ้อมกอดของผม

ผมถอนหายใจยาวเหยียด ดูเหมือนผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วจริงๆ ความจริงเรื่องนี้มีคนที่รู้ความจริงอยู่แท้ๆ แต่อาสามที่เป็นต้นเรื่องก็ดันมาใช้การไม่ได้เสียอย่างนี้

ทีแรกผมคิดโทรหาพานจื่อ แต่ก็เปลี่ยนใจ พี่พานจื่อเป็นมือขวาของอาสาม ลองเจ้านายไม่พูด ลูกน้องที่แสนจงรักภักดีแบบนั้นก็ไม่มีทางพูด

แบบนั้นก็คงต้องหาผู้ช่วยคนอื่น ผมแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย เพราะบนโลกใบนี้มีคนคนหนึ่งที่รู้จักอาสามดียิ่งกว่าใคร

ปกติแล้วคำพูดยามเพ้อเจ้อของอาสามคิดเชื่อถือมากไม่ค่อยได้ แต่ถ้าคนคนนั้นบอกด้วยประโยคแบบเดียวกันว่าเจ้าหนูนี่ต้องเป็น 'เจ้าบ่าว' ของผม อย่างไรเสียผมก็จะต้องแต่งกับเขาให้จงได้ ไม่ว่าจะอยากหรือไม่ก็ตาม

คนผู้นี้เป็นใคร?

ก่อนหน้านี้...น่าจะเมื่อราวๆ ยี่สิบห้าปีก่อน เขาและอาสามแทบจะเรียกได้ว่าเป็นแฝดคนละฝา หากอาสามยามนั้นคล้ายมีดที่ถูกลับจนคบกริบพร้อมฟาดฟันผู้คน เขาคนนั้นก็เหมือนเป็นฝักดาบอันแสนสุขุม สองคนรวมหัวกันเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องคิดมาก แทบร่ำร้องได้เลยว่าไม่มีทางชนะแล้ว

จวบจนห้าปีให้หลังจากนั้น ความเป็นคู่หูไร้เทียมทานของพวกเขาถูกปิดฉากลงด้วยน้ำมือของคนอีกคนหนึ่ง เรื่องราวในคราวนั้นถือเป็นตำนานที่มีสีสันที่สุดของฉางซา แต่คุณพ่อผมแอบเรียกด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า 'วิวาห์เหาะ'

ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้น กดหมายเลขที่จำได้จนขึ้นใจ ครั้นปลายสายส่งเสียง ผมก็ทักทายเล็กน้อยก่อนจะเข้าเรื่อง "อารอง พรุ่งนี้ผมจะไปหา"


xxx


ยี่สิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้น?

ตอนนั้นผมอายุราวหกเจ็ดขวบ ถึงเรียกว่ารู้ความแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจโลกมาก ข้อมูลต่อจากนี้เป็นเรื่องที่ผมรับทราบในภายหลังจากปากของคนรอบตัว จึงไม่แน่ว่าจะเป็นจริง

เรื่องทั้งหมดเริ่มจากบุตรคนหนึ่งของสกุลเซี่ย ชื่อเดิมของเขาผมไม่ทราบ เพียงรู้มาว่าเป็นคนเก่งกาจตั้งแต่เด็ก แก้กลเก้าห่วงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย จึงได้ชื่อเหลียนหวนมาในภายหลัง

เซี่ยเหลียนหวนหรืออาเซี่ยคนนี้ของผมเรียกว่าเป็นแฝดคนละแซ่ของอาสามของผมอู๋ซันเสิ่ง เขากับอาสามรวมหัวกันก่อเรื่องราวมากมาย ให้เล่าทั้งวันก็ไม่จบไม่สิ้น

ในช่วงเวลาห้าปีแห่งความรุ่งโรจน์ เนื่องด้วยอาสามของผมเป็นพวกชอบแหกคอก จึงขัดคำสั่งพวกพี่ๆ หลายครั้ง ทว่าส่วนใหญ่จบลงที่ความพ่ายแพ้ ขึ้นชื่อว่าเจ้าความคิด เขายังห่างไกลจากพี่รองของเขา หรืออารองของผม อู๋เอ้อร์ไป๋

จนมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาขอความร่วมมือกับสหายแซ่เซี่ย วางแผนดัดหลังอารองของผม...ครานั้นสำเร็จงดงาม อาสามถึงกับหัวเราะร่าทั้งวัน ผมตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียว จำได้รางๆ ว่าอาสามซื้อขนมมาแจกมากมาย

และด้วยเหตุการณ์เล็กน้อยเพียงแค่นั้น กลับกลายเป็นชนวนให้เกิดการปะทะกันของสองตระกูลในภายหลัง

รายละเอียดผมไม่อาจรู้ได้ เพียงแต่จุดเริ่มต้นคือการหายตัวไปอย่างลึกลับของอาเซี่ย งานนั้นบ้านสกุลเซี่ยแทบพลิกฟ้าพลิกดิน...เรียกว่าพลิกทุกตารางนิ้วของฉางซาเพื่อตามหาคนหายตัวไป จนตอนหลังอารองของผมออกมาประกาศว่าเขาเองที่เป็นคนลักพาตัว

แน่นอนว่าทุกคนไม่มีใครกล้าถามว่า 'ทำไม' ด้วยเข้าใจกันว่าเด็กบ้านเซี่ยคนนี้หักหน้าคุณชายรองเจ้าความคิดแห่งสกุลอู๋อย่างเขามาหลายครั้ง บางทีนี่อาจเป็นการแก้แค้น แต่ลึกๆ ลงไปกว่านั้น พวกเขามีอีกความคิดหนึ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกจากปาก

คลับคล้ายคลับคลาว่าคราวนั้นคุณพ่อทะเลาะกับอารองรุนแรงมาก พ่อผมที่ปกติไม่สู้คนกลับขึ้นเสียงดัง ด่าอารองเป็นชุด ส่วนอาสามทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกผิดจากปกติวิสัย จนสุดท้ายคุณปู่ผมต้องออกโรงไกล่เกลี่ย เรื่องจึงหยุดลงแค่นั้น

คนรู้ความจริงในตอนนี้บางทีคนมีเพียงคุณปู่และคุณปู่เซี่ยเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็ลงโลงไปแล้วทั้งคู่ คงไม่อาจกลับมาเล่าอะไรให้ผมฟังได้

ที่ผมรู้มีแค่ สองตระกูลตกลงยุติปัญหาด้วยการดวลหมาก เถ้าแก่เก้าแห่งตระกูลเซี่ยถือเป็นปรมาจารย์ด้านการเดินหมาก อารองผมแต่เล็กแต่น้อยก็ขึ้นชื่อด้านสติปัญญามาตลอด เพียงแต่อาสามแอบนินทาว่าฝีมือพี่ชายรองของเขายามนั้นยังฝีมือไม่เข้าขั้นพอจะเทียบชั้นเถ้าแก่เซี่ยได้

ถึงกระนั้น ไม่ดวลก็ไม่ได้

คราวนั้นเป็นการดวลหมากครั้งใหญ่ที่สุดในฉางซา คนมามุงดูกันมากมาย ว่ากันว่าแทบจะเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ที่สุดของบรรดาผู้มีอำนาจ เกมกระดานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องขบขัน แต่เป็นเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของสองตระกูลใหญ่

ผมในตอนนั้นนั่งเล่นกับเพื่อนในวัยเด็กซึ่งเป็นคนจากสกุลเซี่ยเช่นกัน หารับรู้ความกดดันของพวกผู้ใหญ่ไม่

ผลลัพธ์สุดท้ายจบอย่างไรผมก็ไม่รู้ ถามใครก็ไม่มีใครยอมตอบ ขนาดเค้นอาสามที่น่าจะอยู่ในเหตุการณ์ แถมยังเป็นคนบอกผมเองว่าฝีมืออารองยังไม่เข้าขั้น เขาก็ยังได้แต่กลอกตาไปมาก่อนส่ายหัวดิก

ผมเคยพาเขาไปพยายามมอมเหล้าหาความจริง ที่อาสามยอมหลุดออกมามีแค่ "เหล่าเอ้อร์ทุ่มสุดตัว หมากตานั้นของเขาร้ายกาจ ร้ายกาจ... ข้าวสารหุงเป็นข้าวสุกแล้ว ถึงอยากเสกกลับไปเป็นข้าวสารก็ทำไม่ได้แล้ว"

...ฟังแล้วก็ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยสักนิด

สรุปแล้วที่ผมรู้แน่ชัดก็มีเพียงบ้านอู๋ของเราก็ได้สมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน ส่วนคุณพ่อผมก็ได้แต่ซับน้ำตาร้อง 'นี่มันวิวาห์เหาะ' ของแกไปเรื่อย

...จนแล้วจนรอด เหตุผลที่แท้จริงของเรื่องนี้ ก็ยังไม่เคยมีใครกล้าเสี่ยงตายไปถามอารองอยู่ดี



+++

TBC
01/01/2015





1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ3 มกราคม 2558 เวลา 12:59

    อารองงงงงงงงงงงงงงงงงงง
    กรี๊ดคู่ผิงเสียอยู่ดีๆ คู่คุณอามาขโมยซีนชิบ ชอบบบบบบบบบ อารองขา *ขอซบ*
    อยากรู้ทันทีว่าตอนโดนจับตัวไปเกิดอัลไลขึ้น หุงข้าวสวยกันยังไง ฮืออออ อารองขาาาาา *บ้าไปแล้ว*

    ตอบลบ