วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

[Daomu Fan-fiction][AU Restart] Forget 04: รอยสัก


"Forget - ลืมเลือน-"

04: รอยสัก 

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) AU Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย) & 二环 เอ้อร์หวน (อู๋เอ้อร์ไป๋xเซี่ยเหลียนหวน)

ตอนก่อนหน้า: ตอนที่ 1 || ตอนที่ 2 || ตอนที่ 3


**Warning: แฟนฟิคเรื่องนี้เป็นนิยาย AU (โลกสมมติ) นะคะ**


ผมนอนไม่หลับ บางทีอาจเพราะมีเรื่องให้ต้องคิดมากไป หรืออาจจะแค่กำลังเกร็งที่ต้องไปพบกับอาเซี่ยในวันพรุ่งนี้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วผมไม่เคยถูกจับทดสอบความรู้ความสามารถอะไรสักนิด แต่ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับอาที่มีสายเลือดห่างๆ คนนี้ ผมมักจะรู้สึกคล้ายเด็กน้อยยามพบกับผู้ใหญ่ในบ้าน ได้แต่ก้มหน้า เก็บคอ ห่อไหล่ ไม่กล้าต่อปากต่อคำ

ครั้นลืมตามองเพดานคิดฟุ้งซ่านได้สักพัก ผมก็ตัดสินใจเดินไปดูเจ้าหนูที่อาสามยัดเยียดมาให้

ก่อนนี้ผมเป็นคนอุ้มเขาที่หลับสนิทไปนอน ตอนแรกผมกลัวเขาจะชักกระตุกขึ้นมาแบบเมื่อครู่อีกจึงนั่งเฝ้าอยู่ครู่ใหญ่ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงคลายใจและเข้านอน...แล้วก็ตาค้างแบบที่เห็น

ทว่าทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง ผมก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด เจ้าหนูครางเสียงต่ำๆ ฟังไม่ได้ศัพท์
พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา เส้นผมยาวๆ ของเขาพัวพันบนร่างนั้นชวนให้ขนลุกขนพอง

ผมมีความลับอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครรู้นอกจากลูกน้องหมายเลขหนึ่งของผม นั่นคือผมเป็นโรคกลัวเส้นผม โดยเฉพาะผมเปียกๆ อาการนี้ไม่ทราบว่าเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็ตัวแข็งทื่อทุกครั้งยามถูกเส้นผมสัมผัสถูกผิวกายไม่ว่าจะพื้นที่เล็กเพียงใดก็ตาม

เมื่อทำใจกล้าๆ เอื้อมมือไปแตะตัวเขาได้ในที่สุด ผมก็พบว่าร่างนั้นเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง ผมที่เกิดอาการลนลานทำอะไรไม่ถูกจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อให้สองสามเม็ด แต่ทันทีที่อกเสื้อแบะออก ผมก็ปลดกระดุมเม็ดที่เหลือจนหมดด้วยความตื่นตะลึง

บนร่างของเจ้าหนูนั่นมีรอยแดงไปทั่วทั้งแผ่นอก หลัง และสองแขน รอยพวกนี้ยังสดใหม่ คล้ายเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ พวกมันคล้ายเป็นแผลตื้นๆ ดูไปดูมาเหมือนเป็นลวดลายบางอย่าง...ครุ่นคิดครู่ใหญ่จึงนึกออกว่าคล้ายกับผิวหนังที่ผ่านการสักมา เพียงแต่ผมไม่เห็นรอยหมึกบนร่างนั้นแม้สักหยด มีเพียงรอยสีแดงกระจายไปทั้งตัวจนลายพร้อยไปหมด

เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ขณะแตะปลายนิ้วลงบนลวดลายพวกนั้นอย่างเบามือ จากนั้นก็นิ่งคิด นั่งตัดทีละตัวเลือก เริ่มจากการตามหมอ แต่ตามหมอมาดูเด็กผู้ชายที่เนื้อตัวมีแต่รอยแดงในบ้านเถ้าแก่หนุ่มโสด...คิดแล้วในหัวมีแต่เรื่องไม่ดีไหลออกมาเป็นน้ำ ทางแก้เดียวคือคงต้องยิงหมอทิ้ง ฆ่าปิดปากเสียเลย แต่คิดแล้วดูจะใจดำเกินไป เห็นแก่ครอบครัวของหมอดวงกุดคนนั้น อย่าเรียกมาเลยจะดีกว่า

ตัวเลือกต่อมาคือตามลูกน้องมาช่วย แต่เนื่องจากที่อยู่ของผมแยกจากที่ร้าน และผมเกลียดการถูกรบกวน ดังนั้นจึงอยู่เพียงลำพัง หากโทรตามให้มาก็คงได้...แต่ก็จะมีปัญหาคล้ายๆ กับการตามหมอเมื่อครู่ และผมอาจยิงหมอทิ้งปิดปากได้ แต่คงใจร้ายยิงลูกน้องทิ้งไม่ลง วิธีนี้ไม่เข้าท่าๆ

ส่วนลูกน้องคนเดียวที่ไว้ใจได้ว่าหุบปากสนิทก็อยู่ไกลเกิน แต่กว่าหมอนั่นจะมา...ผมเหลือบมองร่างของเจ้าหนูยังคงกระสับกระส่ายไม่หยุด ก่อนถอนหายใจออกมา

ท้ายที่สุดผมตัดสินใจเดินออกไปและกลับมาพร้อมกะละมังใบหนึ่ง ผมคิดอยู่นานว่าต้องใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น แถมยังไม่แน่ใจว่าแผลแบบนี้เจอน้ำได้ไหม ครั้นจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาค้นหาวิธีการดูแล ในใจผมพลันมีความสงสัย...กับเด็กที่ไม่ได้มีค่าอะไรในชีวิตผม ทำไมต้องให้ราคาความสนใจขนาดนั้น?

ช่างแม่งแล้ว! ผมตะโกนอย่างหงุดหงิดในใจ

"งานนี้จะอยู่จะตาย ขึ้นกับดวงของนายแล้วกันนะ" ผมพึมพำแบบขอไปที ก่อนจะเทน้ำจากกาน้ำร้อนที่ก่อนนี้ผมต้มทิ้งไว้เผื่อกินบะหมี่ จากนั้นก็หอบกะละมังกลับไป

นายน้อยสามแบบผม เกิดมาเพิ่งเคยปรนนิบัติคนอื่นจริงๆ จังๆ แบบนี้ก็ครั้งแรก ช่างเป็นท่านบรรพบุรุษน้อยจริงๆ "เฮ้อ เสี่ยวเกอ (พี่ชายน้อย)...นายนี่มันยุ่งวุ่นวายดีแท้"

ผมส่ายหัวดิกขณะพยายามบิดผ้าขนหนูจนแทบไม่มีน้ำหลงเหลือให้รีด จากนั้นจึงค่อยๆ เช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ พยายามแตะเบาๆ ไม่ออกแรงมาก

ไออุ่นจากน้ำในกะละมังและผืนผ้าทำให้ร่างเย็นเฉียบนั้นอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นเอง ผมก็สังเกตเห็นลายหมึกสีดำเลือนๆ ปรากฏตรงจุดที่ผมลากผ้าผ่าน

"หมึกล่องหนงั้นเหรอ?" ผมพึมพำกับตนเองขณะค่อยๆ เช็ดร่างนั้นอย่างเบามือ ลวดลายค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาจางๆ อย่างน่าอัศจรรย์

เมื่อผมเช็ดตัว ร่างกายของเขาค่อยๆ อุ่นขึ้น แต่แล้วก็กลับไปเย็นอีก ลวดลายพวกนั้นบนร่างเขาค่อยๆ เลือนหายไป

ผมมึนงงสับสนไปหมด ในเวลานั้นคิดออกเพียงแค่สิ่งที่อาสามบอกเอาไว้

...ถ่ายไอชีวิต

"..."

ที่แย่กว่านั้นคือผมคล้ายเห็นภาพหลอนเป็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอาสามส่งยิ้มมาให้ พลางบอก 'ไอร้อนมันรั่วออก แกต้องรีบผนึกไอชีวิตเข้าไป'

...ช่วงนี้คงนอนไม่พอจริงๆ ถึงได้หลอนได้ขนาดนี้ ผมได้แต่สะบัดหัวก่อนเถียงภาพอาสามในมโนกลับไปว่า 'คนนะไม่ใช่ห่วงยาง ลมจะได้รั่วออกไปได้'

'ใครว่าเป็นคน บอกแกแล้วไงว่าเป็นเทพเจ้ากิเลน' ...แม่ง ภาพในมโนแม่งเถียงกูกลับอีก

ผมเวียนหัวจนนึกอยากกลับห้องไปนอน แต่เมื่อมองเสี่ยวเกออีกครั้ง หัวใจก็หล่นวูบ

ใบหน้าซีดเซียวของเขาถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสนิททำให้ยิ่งดูขาวโพลนจนน่ากลัว ผมถอนหายใจยาวเหยียด หันมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ก่อนตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องโง่เขลาที่สุดที่เคยกระทำ

...นั่นคือการแตะริมฝีปากของตนเองบนริมฝีปากเย็นเฉียบของเจ้าหนู

ผมแช่ค้างไว้อยู่ครู่ใหญ่ ตั้งใจว่าไหนๆ ก็กระทำเรื่องโง่ๆ แล้วก็ทำมันให้เต็มที่ อย่างไรเสียมากก็ดีกว่าน้อย เกิดถ่ายไอชีวิตน้อยไปแล้วต้องจูบซ้ำอีก ผมคงโมโหตัวเองไปจนวันตาย

ครั้นนับหนึ่งไปจนถึงร้อยอย่างช้าๆ จนครบแล้ว ผมก็ค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า แต่ทันใดนั้นเอง มือเล็กๆ ของเขาก็เอื้้อมมาคว้าข้อมือของผมเอาไว้ "เฮ้ย!"

ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากอุ้งมือเล็กๆ ทำเอาผมร้อนลวกจนแทบนึกอยากสะบัดมือของเขาทิ้ง

"แม่ง! ได้ผลจริงๆ เหรอวะ" ผมอ้าปากค้าง ก่อนพบว่ามือข้างนั้นสั่นเทาไปหมด ยามนี้บนร่างขาวซีดปรากฏลวดลายชัดเจน หมึกเริ่มจากเป็นสีเขียวก่อนจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นสีคราม จนกระทั่งเป็นสีดำสนิท

ผมพรี่ตามองลวดลายพวกนั้น ก่อนสะดุ้งโหยง "เชี่ยแม่ง..."

...กิเลน

ไม่ผิดแน่ บนร่างของเสี่ยวเกอ นั่นเป็นรอยสักรูปกิเลนตัวหนึ่ง

ในใจผมยามนี้ท่วมไปด้วยคำพูดของอาสาม ก่อนเถียงเขาในใจซ้ำๆ ...เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

มือนั้นยังคงออกแรงบีบผมแน่น ไอร้อนค่อยๆ ลดลงช้าๆ ทว่าเสี่ยวเกอยังคงกระสับกระส่ายคล้ายฝันร้าย ไม่รู้ว่าภาพเบื้องหลังเปลือกตาของเขาคืออะไรกันแน่ และเพราะไม่อาจรู้ ผมจึงทำได้เพียงเอื้อมมือไปกุมมือเล็กๆ ข้างนั้นเอาไว้แผ่วเบา

"ไม่เป็นไรแล้ว ฉันอยู่ตรงนี้"

จะด้วยเขาฟังผมเขาใจ หรือบางทีฝันร้ายอาจจบลงแล้ว อาการของเขาจึงสงบลง ผมเหม่อมมองอยู่เนิ่นนาน ก่อนถอนหายใจยาวเหยียด

วันนี้เด็กคนเดียวทำเอาถอนหายใจมาหลายครั้งแล้ว หนี้พวกนี้ต้องไม่ลืมจดไว้ แล้วค่อยคิดบัญชีกับอาสามทีเดียว!

'เห็นไหม บอกแล้วว่าต้องถ่ายไอชีวิต' ภาพหลอนอาสามกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ผมคำรามในคออย่างหงุดหงิด ไว้พรุ่งนี้เช้าผมต้องถามหวังเหมิงเสียหน่อยแล้วว่าข้าวเย็นผมเนี่ย ไอ้หมอนั่นมันแอบแกล้งใส่เห็ดพิษอะไรลงไปหรือเปล่า

ว่าแล้วผมก็รู้สึกเหนื่อยไปหมด หนังตาเริ่มหนักอึ้ง รู้ตัวอีกทีก็หลับไปโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือเล็กๆ ร้อนผ่าวข้างนั้น

คืนนั้นผมฝัน...ฝันถึงบางสิ่ง

บางสิ่งที่ผม 'ลืมเลือน' ไปแล้ว


+++

TBC
03/01/2015





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น