วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][二环] After 9:45

 

"After 9:45"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 二环/2×O เอ้อร์หวน (อู๋เอ้อร์ไป๋ x เซี่ยเหลียนหวน)


**Spoiler Warning**


อู๋เอ้อร์ไป๋เพิ่งพบว่า 'ใบหน้า' ของน้องชายเป็นสิ่งที่นำความบันเทิงมาให้เขาได้ไม่น้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์ เลือกหมายเลขเดียวจากในสมุดบันทึก จากนั้นก็กดโทรออก

พักใหญ่กว่าอีกฝ่ายจะยอมรับโทรศัพท์ เบอร์นี้เป็นเบอร์ส่วนตัว มีเพียงพวกเขาที่รู้กันแค่สองคน เกือบยี่สิบปีแล้วที่ไม่เคยถูกโทรออก ไม่คิดว่าละครตลกตรงหน้าจะทำให้เขายอมติดต่อคนที่เขารู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่

ทันทีที่ได้ยินเสียงว่าปลายสายกดรับ เขาก็เอ่ย "คิดจะขู่ฉัน... ไอ้หลานคนนี้นี่มัน"

"..." ฝ่ายตรงข้ามยังคงเงียบ

"ถ้าเดาไม่ผิด คงคิดว่า 'คนใจแข็งอย่างอารอง ทนได้อย่างน้อยถึงนิ้วที่สาม'" อู๋เอ้อร์ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเจือขบขันขณะมองหลานชายที่กำลังสวมหน้ากากของน้องชายเขาทำหน้าเครียดมองมือซ้ายของตัวเอง

"ได้เวลากดจรวดนำวิถี ระเบิดหลานชายนายได้แล้วมั้ง" ในที่สุดปลายสายก็ยอมตอบเขา แม้น้ำเสียงจะฟังออกยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ดูแล้วก็คงกำลังบันเทิงไม่แพ้เขา

...ก็แน่ล่ะ ภาพตรงหน้า ร้อยทั้งร้อย...ขอเพียงรู้จักอู๋ซันเสิ่ง ให้ใจแข็งเป็นหินอย่างไรก็ต้องอดหัวร่อไม่ได้

อู๋เอ้อร์ไป๋ยกชาขึ้นจิบ ก่อนเอ่ย "ปล่อยมันเลือกนิ้วก่อน จะข่มขู่ฉันทั้งที ดันเลือกมือข้างที่ไม่ถนัด แถมเล็งแต่นิ้วที่ไม่ค่อยได้ใช้ ความเด็ดขาดยังไม่ได้เรื่อง"

"หึ แล้วจริงๆ นายจะใจแข็งทนดูนิ้วของหลานชายได้งั้นเหรอ...ที่จริงแล้วอารองของเขาทนได้กี่นิ้วกัน"

ยามนี้ครึ้มอกครึ้มใจ อู๋เอ้อร์ไป๋อดหยอกไม่ได้ "เรื่องนั้นไม่รู้ รู้แค่กับนาย...ไม่ต้องถึงนิ้วที่สามก็ร้องครวญครางแล้ว"

แว่วเสียงสบถด่าเขามาตามสายโทรศัพท์ ดูเหมือนจะซึมซับนิสัยเสียๆ ของน้องชายเขามาจริงๆ

"ฉันจะวางสายแล้ว"

"เฮ้ ไม่เอาน่า ตอนนี้หลานชายกำลังวางมือบนเขียงแล้วนะ" เขาหยิบเอาโทรศัพท์อีกเครื่องมากดอัดคลิปวิดีโอ ภาพของอู๋ซันเสิ่งทำหน้าเครียด มือหนึ่งถือมีด อีกมือหนึ่งวางบนเขียง นับเป็นภาพที่น่าสนใจจริงๆ

"...นายนี่มัน"

"ยังไงนายก็กำลังเขียนจดหมายอธิบายเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวหลานชายจะเหลือแค่เจ็ดนิ้วไปฟรีๆ นะ"

เขาได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียด ตามด้วยเสียงกดโทรศัพท์ ก่อนกรอกเสียง "วางมีดลง มองมานอกหน้าต่าง"

อู๋เอ้อร์ไป๋รอให้อีกฝ่ายคุยจนจบ วางสาย ฟังเสียงหมอนั่นหัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่ จึงค่อยเอ่ย "พรุ่งนี้ฉันจะไปรับ"

ฝ่ายนั้นหยุดหัวเราะ ก่อนเงียบไปครู่หนึ่ง "...ไม่ต้อง"

"ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ นายจะเล่นเป็นใครฉันไม่สน พรุ่งนี้หลังเก้าโมงสี่สิบห้า ฉันต้องการเซี่ยเหลียนหวนที่บ้าน"

"..."

"ฉันจะไปรับ" เขากล่าวย้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่รอฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธ ก็ชิงเอ่ยก่อนวางสาย "แล้วเจอกัน"

...หลังจากนี้ เราสามารถมีรักที่ไม่ต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ได้ไหม?



หลังเก้าโมงสี่สิบห้า เปลวไฟเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน

เรื่องของหลานชายหลังจากนั้น เขาได้รับรู้ผ่านทางคนของเขาและพี่ชายที่โทรมาปรึกษาเรื่องลูกชายอาจจะอกหักครั้งยิ่งใหญ่ด้วยความกลัดกลุ้ม ช่วงหนึ่งถึงขั้นกังวลว่าลูกชายอาจหนีไปฆ่าตัวตายสังเวยรักล้มเหลว เขาได้แต่ปลอบไปว่าหลานชายคนนี้ถึงอย่างไรก็ไม่กล้าฆ่าตัวตาย ไม่ต้องเป็นกังวล

คนเป็นน้องชายเกือบหลุดปากไปหลายทีว่าขนาดจะตัดนิ้วข่มขู่เขา ลูกชายของพี่ยังต้องคิดแล้วคิดอีก ทำหน้าเครียดมองมือตัวเองบนเขียง เลิกคิดเรื่องฆ่าตัวตายไปได้เลย

สุดท้ายเขาได้เจอหลานชายอีกครั้งตอนฝ่ายนั้นวิ่งมาขอคำปรึกษาเขาเรื่องการจัดการธุรกิจที่อาสามของเขาทิ้งเอาไว้ คนเป็นอารองจึงได้เห็นประกายในตาคู่นั้น

'พรากจาก' ...ดวงตาของหลานชายบอกเขา

สิบปี...อู๋เอ้อร์ไป๋เพียงแค่ยิ้มขัน

สิบปีเพียงแค่นี้...ตัวเขารอมาเป็นยี่สิบปี ยังไม่เคยปริปากบ่นใดๆ ช่างเป็นหลานชายที่ไม่ได้เรื่องเสียจริง

เอาเถิด...เวลาอันแสนยาวนานของหลานชายเพิ่งเริ่มต้น ส่วนของเขา ในที่สุดการรอคอยก็จบลง เดิมทีกำหนดของเขาไม่ใช่แค่สิบปี ยี่สิบปี แต่เป็น 'ไม่มีกำหนด' ตราบเท่าที่องค์กรนั่นยังอยู่ ภารกิจยังไม่จบลง พวกเขาก็ได้แต่เฝ้ารอ

"ทุกอย่างจบแล้ว"

"อืม จบแล้ว"

ทุกอย่างล้วนส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่ ชะตากรรมต่อจากนี้เป็นอย่างไร พวกเขาถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนโดยสมบูรณ์แล้ว หลังจากนี้พวกเขาสามารถตื่นเช้ารำไท่เก๊กด้วยกัน เดินหมาก ถกเรื่องราวในหนังสือวิชาการ ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆ ไป

เว้นเพียงอย่างเดียว...

"เหล่าเอ้อร์" คนที่ยืนหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของเขาชะงักเท้า ก่อนหันกลับมาส่งยิ้มให้

"หืม"

"...เดินเล่นด้วยกันสักหน่อยไหม"

เขามองอีกฝ่าย...แม้จะเป็นการ 'รับกลับ' แต่ก็ต้องใส่หน้ากาก เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่หน้ากากของอู๋ซันเสิ่ง แต่เป็นคนธรรมดาๆ ไร้ประวัติใดๆ ภายใต้หน้ากากหน้ามนุษย์ สิ่งเดียวที่สะท้อนความจริงคือดวงตาคู่นั้น เมื่อมองสบแล้วก็เข้าใจเรื่องราว เขาจึงตอบรับ "เอาสิ"

ความจริงก็คือ เรื่องราวจบลงแล้ว...แต่ใช่ว่าพวกเขาสามารถยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์เหมือนเก่า ก่อนนี้ชีวิตของเซี่ยเหลียนหวนอยู่ภายในห้องใต้ดินอันอุดอู้เพื่อปกปิดร่องรอย ยามนี้แม้ได้อยู่ภายในตัวบ้านโอ่โถง แต่ก็ต้องเผชิญความจริงอย่างหนึ่ง

นี่เป็นเพียง 'กรง' แห่งใหม่

ดังนั้นเขาจึงเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ ก่อนเดินเข้ากรงที่จะไม่มีวันได้กลับออกมาชั่วชีวิต เพียงแค่วันนี้ เพียงแค่ตอนนี้ ต้องการจะเดินบนท้องถนนเฉกเช่นคนธรรมดาบ้าง

"คนตายแล้วก็คือคนตายแล้ว ไม่อาจกลับมามีชีวิตได้" เซี่ยเหลียนหวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ

"ไม่เป็นไร ฉันไม่กลัวผีดิบ"

"อย่าเอากีบลาดำมายัดปากกันก็แล้วกัน"

"เสี่ยวหวน ฉันไม่ทำอะไรน่าเสียดายแบบนั้นกับปากนายหรอกน่า...เฮ้ ทำไมเดินถอยไปซะไกลแบบนั้น กลับมา!"



หลังจากนั้น วันเวลาของพวกเขาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ชีวิตเป็นไปตามปกติ พวกเขาไม่เคยรื้อฟื้นเรื่องเก่า ทุกการกระทำคล้ายว่าช่วงเวลาที่แยกจากกันนั้นไม่เคยเกิดขึ้น

เพียงแต่...มีหลายคืนที่คนข้างตัวของเขาตื่นเพราะฝันร้าย...สองมือสั่นสะท้าน เขาได้แต่กอดอีกฝ่ายไว้เงียบๆ อู๋เอ้อร์ไป๋รู้ดีว่าสิ่งที่คนในอ้อมกอดของเขาต้องการไม่ใช่คำพูดปลอบประโลมใดๆ

...นี่คือสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจไปแล้ว ได้เลือกลงไปแล้ว

มีครั้งหนึ่งฝ่ายนั้นถามเขาด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย "ทุกอย่างจบหรือยัง"

เขานึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบปฏิเสธ "ยัง"

ดวงตาตื่นตระหนกมองเขา อู๋เอ้อร์ไป๋เพียงคลี่ยิ้มมุมปาก เคลื่อนกายเข้าใกล้ แตะจูบปลอบประโลม

"เรื่องของเราเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น"

ท่ามกลางอากาศที่เริ่มเย็นลงของฤดูใบไม้ร่วง สองร่างเพียงตระกองกอดกัน แลกเปลี่ยนไออุ่นจากร่างกาย

เมื่อวานผ่านพ้นไปแล้ว...วันนี้มีคนอยู่เคียงข้าง

พรุ่งนี้หรืออนาคตจะเป็นเช่นไรล้วนไม่สลักสำคัญ





+++

END
13/11/2014






Talk Time:

ตอนนี้กึ่งๆ ต่อกันนิดหน่อยจาก "กลเก้าห่วง" ค่ะ
จริงๆ ตอนแรกแค่จะล้ออู๋เสียบนเขียงค่ะ (เป็นฉากสุดประทับใจ) พอดีไปฟังเพลงมา จำชื่อไม่ได้แล้ว ประมาณว่า ถูกตัวเองลักพาตัว ตอนนั้นคิดว่าคนแบบไหนจะถูกตัวเองลักพาตัวกันฟะ ก่อนนึกออกอยู่หนึ่งชื่อ อะ...มีนี่หว่า ไอ้คนแบบนั้นที่วางแผนการลักพาตัวเรียกค่าไถ่ (?) ตัวเอง -______-;;

ประจวบกับด้วงอีกนางเคยโยนมุก "นิ้วของอารอง" ให้ ฮว่า เอามาใช้ซะเลย

ตัวออริจินอล (ดราฟต์แรก) ไม่มีท่อนตรงกลาง แต่คิดว่าต่อให้กลับมาอยู่กับอารอง ก็ใช่ว่าจะสามารถมาเดินโชว์ตัวได้ สุดท้ายก็เป็น 'อีกกรง' เพียงแต่เราคิดว่าคราวนี้นกคงเต็มใจจะโดนขังกรงแหละเน้~

ส่วน 9 โมง 45 นาทีนี่เพราะไป...ไปทำอะไรสักอย่างมานี่แหละ ติดตา (ตัวจีน) ซะงั้น

แต่ไอ้เพลงถูกตัวเองลักพาตัวเนี่ย เนื้อจริงไม่ได้ติ๊งต๊องแบบคุณอู๋หรอกนะคะ แฮ่ม *ไปหามาเลยดีกว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว*

อ๊ะ เจอเลี้ยว ลองไปดูใน เว็บนี้ ดูนะคะ จริงๆ แล้วคนที่เหมาะสมกับเพลงนี้น่าจะเป็นอาเซี่ยมากกว่านะ *หัวเราะ*

ต้องทำเรื่องที่ไม่ใช่ตัวเอง จนสุดท้ายกลายเป็นว่าคนที่ลักพา 'ตัวเอง' ไป...ก็คือตัวเราเองนั่นแล

ช่วงนี้บ้าฟังเพลงจีนค่ะ (ฮา) เพราะทำรวมเล่มด้วยแหละน้า

เจอกันโอกาสหน้าค่ะ ทอล์คจะยาวกว่าเนื้อเรื่องแล้ว!

2 ความคิดเห็น:

  1. แมลงด้วงสเปน14 พฤศจิกายน 2557 เวลา 10:52

    แงงงงงงงงงงงงงงงงงง อู๋เสียยยยยยยยยยยยยยยยยย ; [ ] ;
    ตลกกกกกกกกกกกกกกกกก แง ขำกดจรวดระเบิดหลานชาย 5555555 สองคนนี้เหมือนตลกหน้านิ่งเลย ทั้งดราม่าและบ้าบอ (โดนอารองยิงทิ้ง)

    อู๋เสียตลก ยิ่งอ่านถึงทอล์คที่มาของเรื่องก็ตลก ลักพาตัวตัวเอง เพลงออกจะดราม่า พอเป็นอู๋เสียแล้ว...แง 5555555

    ตอบลบ
  2. อารอง <3<3<3
    นึกภาพสองคนนั่งขำอู๋เสียแล้วฮาตามเลยค่ะ
    ได้หมดภาระ เลิกรออะไรที่รอมานานด้วยเสียงหัวเราะก็ดีนะ หลานชายไม่ได้เรื่องก็พอใช้ได้กับเค้าอยู่ตรงทำให้อาหัวเราะเอ็นดูได้นี่ล่ะหนอ
    ยี่สิบปี จากนี้ก็แก่ไปด้วยกันได้แล้ว ดีงาม //แว่วเสียงอารองบอกฉันยังหนุ่มเฟี้ยว

    ตอบลบ