วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][二环] กลเก้าห่วง

 

"กลเก้าห่วง"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 二环/2×O เอ้อร์หวน (อู๋เอ้อร์ไป๋ x เซี่ยเหลียนหวน)


**Spoiler Warning**


ตอนที่เซี่ยเหลียนหวนเข้ามาในห้องหนังสือ อู๋เอ้อร์ไป๋กำลังเดินหมากกับตนเอง

ขณะนี้ที่บ้านของเขามีสมาชิกใหม่มาอีกสอง อันที่จริงมองภายนอกมีคนเดียวคือน้องชายของเขาที่แวะมาขอพักอาศัยเนื่องจากกำลังต่อเติมบ้าน แต่แท้จริงแล้วกลับมีอีกคนพ่วงติดมาด้วย

เขาเคยเห็นอีกฝ่ายไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นแค่การมองผ่านๆ นึกไม่ถึงว่าชะตากรรมจะเล่นตลกกับตระกูลของพวกเขาได้ขนาดนี้

ฝ่ายนั้นตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขา "ฉันแค่มาหาหนังสืออ่าน ไม่รบกวนแล้ว"

ว่าแล้วก็หมุนกายเดินกลับไป อู๋เอ้อร์ไป๋หัวเราะในใจ...ท่าทางเหมือนแมวขี้ตื่นแบบนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา ท่านพ่อของเขาคือราชาสุนัขแห่งฉางซา พี่คนโตเป็นสุนัขเรียบร้อย น้องชายคนเล็กเป็นสุนัขบ้าป่าเถื่อน...เพิ่งเคยเจอแมวแบบนี้เป็นครั้งแรก

ด้วยนึกสนุก เขาจึงเอ่ยชักชวน "เดี๋ยว ได้ยินว่านายแก้กลเก้าห่วงได้แต่อายุยังน้อย...เล่นหมากรุกได้ไหม"

คำถามนี้อันที่จริงถามเล่นๆ มีความจริงจังไม่ถึงสามส่วน ทว่าฝ่ายนั้นหันกลับมามองเขา ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเดินมานั่งลง จากนั้นก็เล่นหมากรุกกับเขาเงียบๆ ระหว่างเล่นกันอยู่ จู่ๆ อู๋เอ้อร์ไป๋ก็ถามด้วยเสียงเนิบนาบ "สนใจไทเก๊กไหม"

"..." น้องชายคนใหม่ไม่ตอบคำ เพียงแต่เช้าวันถัดมาก็มีคนตื่นมาด้อมๆ มองๆ เขา จึงหาเสื้อผ้าให้ผลัดเปลี่ยน รำมวยด้วยกัน ระหว่างพวกเขาสองคนพูดคุยกันน้อยมาก ซึ่งอู๋เอ้อร์ไป๋รู้สึกพึงพอใจมากกว่ามานั่งฟังน้องชายจอมโวยวายของตนเอง ไม่รู้ป่านนี้เตลิดไปตักทรายคว่ำกรวยอยู่แถวไหนแล้ว

ว่าไปแล้วเซี่ยเหลียนหวนนับได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา ใบหน้าเรียกว่าคล้ายน้องชายเขาอยู่หกเจ็ดส่วน แต่ที่ต่างกันชัดเจนคือดวงตาคู่นั้น อู๋ซันเสิ่งน้องชายเขาไม่เคยมีดวงตาแบบนั้น

เขาพูดไม่ถูกว่าควรเรียกว่าอะไร บางทีอาจเป็นความหนักหน่วงของเรื่องราวที่ต้องแบกรับเอาไว้

หลังจากนั้นพวกเขาสองคนจึงนั่งเล่นหมารุกด้วยกันทุกวัน เทียบกับน้องชายที่เล่นด้วยกันทีไรมีแต่หาเรื่องโกงเพื่อให้ได้รับชัยชนะ คนตรงหน้าเขาสุขุมกว่า เพียงแต่ความลังเลมากกว่า...และทุกครั้งที่ปรากฏความลังเลจนเพลี่ยงพล้ำ ท่าทางของฝ่ายนั้นจะพลิกผัน กลับมาเหี้ยมโหดดุดัน คล้ายเด็กน้อยที่สะดุ้งตกใจที่เผลอแสดงความเป็นเด็กออกไป จึงกลบเกลื่อนด้วยท่าทางแบบผู้ใหญ่

...หมอนี่กำลังแบกอะไรอยู่?

มีครั้งหนึ่งเขาเห็นคิ้วของอีกฝ่ายกดลึกจนแทบเป็นร่อง ไม่รู้เกิดความคิดอะไรจึงเอื้อมมือไปสัมผัสและนวดคลึงให้แผ่วเบา ดวงตาที่มองเขาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ท่าทางแบบนั้นทำให้เขาโน้มตัวเข้าไป ประทับริมฝีปากแผ่วเบา

ฝ่ายนั้นรับจูบของเขาอย่างเงียบงัน พวกเขาเพียงมองตากัน จูบนั้นจบลงที่เตียง

"ฉันไม่เคยถอดกลเก้าห่วงมากก่อน" เขาพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

เซี่ยเหลียนหวนตอบกลับด้วยการถอดเสื้อตัวนอกของตนเองออก "งั้นนายก็ลองดู"

กลเก้าห่วงอันแสนซับซ้อน ต้องถอดแล้วใส่กลับเข้าไปหลายขั้นตอนจึงจะปลดได้สำเร็จ บางทีอาจวุ่นวายสับสนเหมือนความรู้สึกของพวกเขาสองคนในเวลานี้ ภายในอ้อมกอดของกันและกัน พวกเขาทั้งคู่ยังคงพูดกันน้อยมากเช่นเดิม

ราวกลับกลัวว่าถ้าพูดออกไป เรื่องราวทั้งหมดของพวกเขาจะเป็นเพียงภาพลวงตา



วันเวลาอันแสนสงบสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขายังคงเช้ารำไทเก๊ก ตกบ่ายเล่นหมากรุก ถกตำรา ต่อกลอน ยามเย็นก็จบลงที่เตียง ไม่เคยมีคำพร่ำพรรณาให้มากความ เพียงแค่มองตากัน จากนั้นก็สัมผัสกันอย่างเงียบงัน

บางทีอู๋เอ้อร์ไป๋ก็สงสัย ที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมา บางทีอาจเพราะหวาดกลัวว่าคำพูดนั้นอาจทำให้โลกของพวกเขาพังทลายก็เป็นได้

"...เหล่าเอ้อร์ เหวอ พวกนายสนิทกันเร็วดีนะ" คำพูดนี้เป็นของน้องชายร่วมสายเลือดจอมแสบของเขา ปากก็บอกซ่อมบ้านและย้ายมาอยู่กับเขา แต่ความจริงคือน้องผู้ไม่เคยอยู่สงบเสงี่ยมของเขาออกร่อนไปทั่ว เขาได้ข่าวไม่สู้น่าฟังนักมาจากข้างนอก ได้แต่ปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รับไม่รู้เอาไว้

"บอกว่าห้ามเรียกเหล่าเอ้อร์ ให้เรียกพี่รอง" เขาย้ำประโยคเดิมๆ และค่อนข้างมั่นใจว่าประเดี๋ยวน้องชายก็จะลืมเช่นเดิม

คนที่เดินหมากกับเขาเหลือบมองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ก่อนหันกลับมาสนใจเกมบนกระดาน น้องชายเขาก้าวฉับๆ เข้ามาใกล้ มองกระดานหมาก จากนั้นก็ถือวิสาสะขยับตัวหมากของคู่แข่งของเขาหน้าตาเฉย

"เหล่าซาน แกอย่าเสียมารยาท" เขาตำหนิน้องชาย ฝ่ายนั้นยักไหล่ "ไม่เอาน่า ยังไงเราสองคนสุดท้ายก็ต้องใช้ชื่อเดียวกัน ใครเล่นก็เหมือนกันนั่นแหละ"

อู๋เอ้อร์ไป๋เห็นไหล่ของคนที่นั่งตรงข้ามกระตุกเบาๆ มือที่แตะขอบโต๊ะออกแรงกำแน่น

การสูญเสียตัวตน หลบอยู่ภายใต้ชื่อของอีกคนหนึ่งนั้นเป็นความรู้สึกเช่นไรกันนะ? ตามแผนการคือทำให้ผู้คนสับสน คิดว่าเซี่ยเหลียนหวนที่ตายไปเป็นคนร้ายสวมชื่อของอู๋ซันเสิ่ง แต่ท้ายที่สุดคนขับเคลื่อนทุกสิ่งก็ยังคงเป็นอู๋ซันเสิ่งอยู่ดี

...แล้วเขาคืออะไร? ชื่อของเซี่ยเหลียนหวนดูเหมือนมีความหมาย แต่แท้จริงแล้วไม่มี

การเล่นละครเป็นใครอีกคนฟังดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงแล้วน้ำหนักที่ต้องแบกรับนั้นไม่ได้เบาเลย โลกนี้มีใครบ้างอยากสูญเสียตัวตนของตนเองกันเล่า?

คืนนั้นแขนที่โอบกอดเขาไว้บีบรัดแน่นกว่าเดิมราวกับกลัวจะสูญเสียที่ยึดเหนี่ยว เขาได้แต่กระซิบเรียกชื่อของอีกฝ่ายซ้ำๆ ท้ายสุดได้รับกลับมาเพียงรอยยิ้มอันแสนปวดร้าวและเสียงแหบพร่า

'...นั่นเป็นชื่อของคนที่ตายไปแล้ว'





ในที่สุดทุกอย่างก็เรียบร้อย 'บ้าน' เสร็จสมบูรณ์...

"พรุ่งนี้ฉันจะไม่ใช่ฉันอีกต่อไป" ฝ่ายนั้นเอ่ยแผ่วเบา กำหนดที่จะต้องใส่หน้ากากมาถึงแล้ว และต่อจากนี้ เขาไม่วันกลับคืนสถานะเดิมได้อีก และว่ากันว่าหน้ากากใบหน้ามนุษย์หากใส่นานๆ เข้าจะไม่สามารถถอดออกได้อีก

ท้องฟ้าในยามนี้ขมุกขมัว พวกเขาแหงนมองท้องฟ้าด้วยกัน จิบชา พูดคุยเรื่องราวเรื่อยเปื่อยเหมือนทุกๆ วัน...เพียงแต่หัวข้อสนทนาในวันนี้ของพวกเขาคือเรื่องที่ทั้งคู่ต่างพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด

"บางทีฉันอาจอยากเป็นแค่คนธรรมดา เปิดโรงน้ำชา วันๆ เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมา วันๆ เล่นหมากรุก อ่านตำรา" ดวงตาคู่นั้นทอดมองออกไปไกลแสนไกล ก่อนจะค่อยๆ ปิดลงอย่างเชื่องช้า "แต่ก็เป็นได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ"

"ฉันจะรอ" อู๋เอ้อร์ไป๋เอ่ยเพียงประโยคเดียว ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากกว่านี้ พวกเขามองตากันเงียบๆ จากนั้นก็จูบกัน

คืนนั้นอาจพูดได้ว่าเหมือนทุกๆ คืน...แต่ก็ไม่เหมือนโดยสิ้นเชิง คนในอ้อมกอดเขาคล้ายแก้วเปราะบางที่พร้อมจะพังทลายหากบีบแรงๆ บางทีนี่อาจเป็นตัวตนที่แท้จริง...อ่อนแอ เปราะบาง แต่เพราะน้ำหนักที่ต้องแบกรับใหญ่หลวงเกินไป ไม่อาจคุดคู้ตัวสั่นร้องไห้ได้

โลกนี้ไม่เหลือทางถอยให้ฉัน...เซี่ยเหลียนหวนกระซิบด้วยเสียงสะอื้น นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายร้องไห้ และเขารู้ดีว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย...ไม่มีทางให้ถอยแล้วจริงๆ

เดิมทีเขาควรยืนอยู่ในตำแหน่งของน้องชายในขณะนี้ สืบทอดงานของท่านพ่อ แต่ชะตาฟ้าลิขิตแล้ว อู๋ซันเสิ่งคือคนที่ต้องเคลื่อนไหว ส่วนเขากลับกลายเป็นตัวหมากครึ่งๆ กลางๆ บนกระดาน ซึ่งคิดแล้วก็น่าขัน

"จำฉันแทนตัวฉันที" ฝ่ายนั้นร้องขอเขาอย่างเงียบงัน

เขาไม่ได้ตอบคำ เพียงจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

กลเก้าห่วงถูกถอดเป็นชิ้นๆ การใส่กลับเองก็ต้องใช้เวลา...แต่ไม่มีเวลาสำหรับพวกเขาอีกต่อไป





ภายหลังเขาจึงมีน้องชายทั้งหมดสองคน ตอนแรกการแยกอีกฝ่ายเป็นเรื่องง่ายดาย แต่ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับว่าอู๋ซันเสิ่งนั้นมีเพียงคนเดียว อีกคนเป็นเพียงเงาวูบวาบที่จับต้องไม่ได้

พวกเขาสองคนเจอหน้ากันเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา ถกเถียงกันตามบทบาท ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวเกินความจำเป็น ไม่เคยคุยกันเรื่องอดีต ไม่มีการทวงถามถึงสัญญา...ทุกสิ่งคล้ายภาพลวงตา เพียงพริบตาเดียวก็จางหายไป

ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดี

 
...หน้ากากบางใบสวมไว้นานเกินไปจึงแกะไม่ออกแล้ว



+++

END
02/11/2014






Talk Time:

นึกไม่ออกแล้วว่าจะทอล์คอะไร (ฮา) พล็อตนี้อยากเขียนมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาส เมื่อวานถล่มฟังเพลงจีนเยอะไป อิน 55555+

ก็ ถือเป็นความสัมพันธ์ของสองคนนี้ในมุมมองของเราแหละค่ะ เพียงมองกัน ไม่ต้องใช้คำพูดมากมาย เทียบกับอาสามที่โผงผาง เราชอบอาเซี่ยที่สุขุมล่ะนะคะ ← บทฮีก็มีให้เห็นแค่นั้นแหละ -w-;;

แต่ก็อย่างที่บอก เราเข้าใจผิดเรื่องเซี่ยเหลียนหวนกันมาหลายเล่ม ท้ายสุดคนที่เราเห็นก็คืออู๋ซันเสิ่งอยู่ดี ตัวตนของเขา อันที่จริงเบาบางจนแทบจับไม่ได้ เลยเอาประเด็นนี้มาเขียนแหละค่ะ

กว่านี้เราก็นึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรเหมือนกัน (รู้สึกเนต้าอฟช. ท่านให้มาแถวๆ นี้) แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากเขียนต่อ ชอบเขียนบรรยากาศแบบเหงาๆ นิดๆ ค่ะ *ช่วงนี้อินบรรยากาศเฉยๆ แหละ lol*

อนึ่ง ตอนนี้ปั่นต้นฉบับหรรษาอยู่ แต่คิดว่าถ้าเรียบร้อยก็จะกลับไปซบเอยูไร้แก่นสารเหมือนเดิมแหละนะคะ...อื๋อ เหมือนมีแฮมทาโร่ยังค้างไว้อีกตัว *ไอโขลก* จริงๆ มีเอยูอีกเรื่อง แต่ยังไม่เรียบร้อย -v-;; เอาไว้จะมาลงกันในภายหลัง

4 ความคิดเห็น:

  1. อารองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    //ชูป้ายไฟ อารอง×เซี่ย

    ชอบคู่นี้ค่ะ ฮืออออ อยากอ่านต่ออีก จบเศร้าเกินไปปปป แงงงงงงง เอาตอนกลับมาเจอกันอีกสักตอนสิคะ //ทำตาปริบๆ

    ตอบลบ
  2. ความเห็นก่อนหน้าหาย
    ฮือ อุตส่าห์เม้นท์
    เอาใหม่ก็ได้

    อาร๊องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
    เป้นอะไรที่ฟินเจ็ดล้านตลกค่ะะะะะะะะะะะะะะะ
    อารองอาสามก๊าวใจดีแท้ /หลังๆ นี่ฟินคู่นี้มากอย่างหาที่สุดไม่ได้
    ผู้ใหญ่แค่มองตากันก็เข้าใจเเล้วเนอะ ไม่ว่ากจะทำอะไร ลงที่ไหน ดีจัง
    อาเหลียนคะ อย่างน้อยก็ยังมีคนเข้าใจอาเหลียนนะคะ
    อารองเข้าใจและรับรู้ค่ะ
    ชอบตรง"จำฉันแทนจำ" เพราะเชื่อใจมาก จึงฝากให้จำ อีกคนก็จำไว้ในใจได้ตลอดอยู่แล้วเนอะ
    อาเหลียนบอบบางเป็นแก้วเปราะมากเลยค่ะ อารองดูแลดีๆ นะ ฮือ
    คือถ้าไม่ดองเซี่ยฮัวก็ดองเซี่ยเหลียนก็ได้นะคะ บ้านอู๋ ก๊าก
    ขอบคุณสำหรับฟิคฟินๆ นะคะะะะะ

    ตอบลบ
  3. เรื่องนี้ฟินจิกหมอนเลยค่ะ ชอบอารอง ชอบอาเซี่ย ชอบบรรยากาศในเรื่องมากมาย
    ถึงอาเซี่ยจะใส่หน้ากากมานานแต่ตอนสุดท้ายขอเอาใจช่วยให้อาเซี่ยได้เดินกลับไปหาอารองที่รออยู่ ปลดภาระให้หมดแล้วมีความสุขกับเค้าซะที

    ตอบลบ
  4. คุณด้วงโกะนี่ฆ่าแครอทครั้งแล้วครั้งเล่าโฮววววววววววววววววววววว
    อยากจะบอก ณ ตรงนี้(แครอทคิดว่าแครอไ่เคยพูดนะคะ๕๕๕ คุณด้วงโกะเป็คนที่แต่งฟิคเต้ามู่ได้สนุกที่สุดเท่าที่แครอทอ่านมา (เหมือนแครอทจะอ่านมาน้อยแต่สกรีนๆมาคุณด้วงโกะนี่แต่งมาแนวที่แครอทที่สุดเลยค่ะฮือ) )

    กลับมที่ฟิคนี้"กลเก้าห่วง"ที่หยิบมาเป็นชื่อเรื่องนีเก๋จริงค่ะ แต่แล้วมันก็เจ่งกว่าตรงที่เอามาเปรีบเทียบกับอารมณ์และความรู้สึกของคนสองคน ชอบที่เริ่มมาเปรียบตอนถอดเปลื้องผ้ากันดว้ยค่ะ^q^ เหมาะเจาะลงตัวจริงๆ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันล้ำลึกแล้วก็เซ็กซี่มากๆ อ่านแล้วประทับใจค่ะ

    แวบกลับไปตอนเริ่มเรื่องนิดนึง ชอบที่เปรียบเทียบว่าลูกๆทุกคนเป็นหมา แต่นี่น้องชายตัวปลอมที่เป็นแมวอะไรนั่น ตรงนี้คือแบบ... #ผมนี่ลุกยืนเลยครับ ๕๕๕๕
    โอีย มันน่าร๊ากกกกกกกกกกก เราไม่เคยคิดเปรียบเทียบตรงจุดนี้เลยค่ะ คุณด้วงโกะเอามาใส่ได้ดีมากๆเลย
    ชอบที่กล้าๆกลัวๆแต่ก็มาเล่นด้วยเงียบๆ ถึงจะไม่รู้ว่าก่อนที่จะมาสวมบทบาทอาสามเซี่ยเหลียนหวนจะมีนิสัยอย่างไร จะกล้าๆกลัวแบบนี้หรือเปล่า(แต่ในนิยายฉากที่วังงูร้องไห้ก่อนจะหายไปไม่โผล่ออกมาอีกเหลียนหวนก็ดูกล้าๆกลัวๆแบบนี้ดีนะคะ)

    ปกติแครอทไม่ชอบฟิคที่อยู่ๆก็จบลงบนเตียงเลยค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมพออ่านฟิคนี้ของคุณด้วงโกะแครอทว่ามันลงตัวมากๆ ที่แบบแต่สัมผัส จูบกันเงียบๆ แล้วจบที่เตียง /ผมนี่แทบจะบินเลยครับ๕๕๕๕/

    จะขอมองข้ามเรื่องบนเตียงที่ดูขึ้นบ่อยนิดนึงนะคะ๕๕๕(เราไม่มายด์ตรงนี้มากเพราะจุดอื่นของฟิคคือก๊าวมากค่ะ) ประเด็นที่ว่าอู๋ซันเสิ่งตัวจริงมาแล้วบอกว่ายังไงเดี๋ยวก็เป็นคนเดียวกับ เหลียนหวนเองที่ก็แบกรับความรู้สึกหนักหน่วงที่ตัวเองต้องหายไปจากโลกนี้ก็ดูดราม่ามา สงสารเหลียนหวนมากค่ะ ฮือ เราเองก็ชอบตรงที่อารองเอ่ยชื่อของเหลียนหวนด้วยนะคะ ชอบตรงที่รู้สึกได้ว่าอารองไม่ได้ห่วงหาอาทรณ์อะไรมากขนาดต้องอาลัยอาวรณ์เรียกชื่ออีกฝ่าย แต่ก็เอ่ยชื่ออีกฝ่ายเหมือนสงสาร(ซึ่งแครอทไม่รู้นะคะว่าในฟิคอารองคิดยังไง แต่การบรรยายของคุณด้วงโกะคือมันไม่เว่อร์ไป) เหลียนหวนที่ตอบกลับมาว่ามันเป็นชื่อของคนที่ตายไปแล้วนั่นก็ก๊าวค่ะ โฮฮฮฮฮฮฮ /อย่าร้องไห้นะคะคนดีของบ่าว;;7;;

    ชอบตรงช่วงท้ายของฟิคด้วยค่ะที่ตัวตนเซี่ยเหลียนหวนค่อยๆหายไป ซันเสิ่งกับเหลียนหวนเหมือนกันขึ้นเรื่อยๆจนขนาดอารองยังแทบแยกไม่ออก ชอบที่ความสัมพันธ์ของอารองเหลียนหวนเหมือนเป็นความรู้สึกชั่วคราว แต่ก็ยังคิดถึงอะไรแบบนั้น ตรงที่บรรยายว่า "คล้ายกับว่าอู๋ซันเสิ่งนั้นมีเพียงคนเดียว อีกคนเป็นเพียงเงาวูบวาบที่จับต้องไม่ได้" ตรงที่จับจ้องไม่ได้นี่เห็นภาพมากเลยค่ะ เหมือนว่าทั้งสองคนอยู่ห่างกันแค่นี้เองนะ แต่มันช่างไกลเหลือเกิน /กุมอก/

    สุดท้ายนี้เห็นด้วยเลยค่ะ เราหลงกลท่านประมุขมาหลายเล่ม สุดท้ายทั้งอาสามและเซี่ยเหลียนหวนที่เราเห็นก็คืออู๋ซันเสิ่งอยู่ดี เซี่ยเหลียนหวนที่จริงในเรื่องนิสัยเราแทบไม่รู้เลย โฮ

    ตอบลบ