วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][瓶邪] Blooming shyness

 

"Blooming shyness"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)

เซ็ตเทศกาลชมดอกไม้: ดอกหลี || ดอกหมู่ตาน

**Spoiler Warning**


ยามหังโจวเข้าสู่ฤดูหนาว ความสุขทั้งมวลของผมคือการได้นอนซุกตัวในที่นอนอุ่นๆ

เพียงแต่ชีวิตคนเรามักไม่ง่ายขนาดนั้น ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ที่อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นแต่ก็ยังหนาวอยู่ดี ขณะที่ผมอยากซุกตัวนอนเงียบๆ คนของผมกลับรายงานถึงปัญหาวุ่นวายบางอย่าง

รู้ตัวอีกทีก็ต้องสละที่นอนอุ่นๆ ถ่อมาถึงหนานจิง

เนื่องจากยามนี้เป็นช่วงปลายฤดูหนาว ใกล้เข้าฤดูใบไม้ผลิ บนจื่อจินซาน (ภูเขาม่วง) ดอกเหมยจึงเริ่มผลิบานส่งกลิ่นหอม ผมและเสี่ยวเกอเดินตามทางขึ้นเขา มองหาสัญลักษณ์ที่ตกลงกันไว้ นี่เป็นหนึ่งในสิบจุดที่มีการทำเครื่องหมาย อีกเก้าจุดผมกระจายพวกลูกน้องออกไป

เดิมทีไม่คิดว่าต้องพะบู๊อะไร หรือถึงต้องสู้อย่างไรก็มีเสี่ยวเกออยู่ ทว่าเดินมาได้สักพัก ที่รอพวกผมอยู่กลับเป็นคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาสวมชุดดำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ในมือถือกระบองเหล็กที่ไม่เข้ากับชุดที่สวมใส่อยู่ บนกระบองสลักตราพยัคฆ์เอาไว้

เหมยสีชมพูอมแดงบานสะพรั่ง คนชุดดำสนิท...ช่างตัดกันจนน่าขำ

ผมมองกระบองในมือของพวกเขา พลางยิ้มขัน ก่อนแสร้งถาม "พี่ชายพวกนี้ ขึ้นเขาพกกระบอง เอามาทำอะไรหรือ"

พวกนั้นพากันแสยะยิ้ม ก่อนคนหนึ่งจะตอบผม "เอามาตี 'หนู' เสียหน่อยน่ะ"

"โฮ่" ผมเลิกคิ้ว ร่างกายอยู่ในสภาพระแวดระวังจนถึงขีดสุด  และถึงไม่ได้หันไปมองก็รู้ว่าเสี่ยวเกอเองก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกัน

พวกคนชุดดำพากันยิ้มร่า จากนั้นก็ย่างสามขุมเข้ามา ผมมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจตรวจตรา แต่คนพวกนั้นกลับขัดขึ้นมา "ในรอบบริเวณมีแค่พวกเรา ไม่ต้องหาแล้ว"

จากนั้นพวกเขาก็เงื้ออาวุธ พุ่งมาทางผม ผมหลบ ก่อนร้องตะโกน "เสี่ยวเกอ!"

ในเวลานั้นมีคนสามคนเข้าไปรุมกลุ้มเสี่ยวเกอ ผมที่ต้องหาทางเอาตัวรอดก่อนไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น ผมจัดการคนแรกลงไปได้ จากนั้นก็แย่งกระบองของหมอนั่นมา

คนที่สองและสามพุ่งเข้ามา ผมใช้กระบองรับและสวนกลับ สอยไปได้คนหนึ่ง อีกคนเพียงแค่โดนแบบถากๆ เจ้าหมอนั่นดูเหมือนจะเชี่ยวชาญการใช้กระบอง ในสภาพเช่นนี้ ผมยังมีแก่ใจด่าทอเจ้าพวกมนุษย์กระบองในหัวที่มาตีคนเสือกขนมาแค่กระบอง ไม่รู้ว่าเห็นผมเป็นแค่หนูไม่ควรค่าแก่ความสนใจดี หรือแค่ปัญญาอ่อนดี

โรมรันพันตูกันสักพักกระบองในมือผมก็โดนปัดกระเด็น เปิดโอกาสให้เจ้าหมอนั่นแบบเต็มๆ

"ย้าก!" กระบองอยู่เหนือศีรษะผมซึ่งอยู่ในสภาพตั้งรับหรือปัดป้องไม่ทัน ได้แต่ทำใจว่าคงหัวร้างข้างแตกกันไปข้างหนึ่ง

ทว่าร่างผมกลับถูกกระชากไปด้านหลัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังสนั่น เสี่ยวเกอใช้แขนข้างหนึ่งของเขารับกระบองเหล็กแทนผม "เสี่ยวเกอ!"

แขนของเขาเกิดรอย ซ้ำยังดูปูดบวมผิดรูปคล้ายกระดูกจะหัก ทว่ายังคงรักษาสีหน้าได้เหมือนปกติ

"เสี่ยว..."

เสี่ยวเกอวาดมือข้างที่ยังใช้การได้เป็นไปเฉียงๆ เกิดเสียงดังเป๊าะ จากนั้นกิ่งเหมยกิ่งหนึ่งก็ร่วงลงมา เขาถือมันไว้ในมือ จากนั้นก็วาดเท้า หมุนตัวด้วยท่วงท่าทรงพลัง ฟาดเอาคนชุดดำกระเด็นกระดอน พวกเขาที่เหลือส่งเสียงร้องย้าก ก่อนพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกระบองเหล็ก

ในมือของเสี่ยวเกอมีเพียงกิ่งเหมย แต่กลับรับมือคนพวกนั้นได้อย่างสบายๆ กระบองเหล็กฟาดลงมาอย่างรุนแรงดุดัน แต่กิ่งเหมยเล็กๆ กลับปัดป้องราวกับมันทำมาจากนุ่น

หากเป็นยอดจอมยุทธ์ แม้แต่กิ่งเหมยก็อาจใช้แทนกระบี่ได้...

ท่วงท่าของเสี่ยวเกองดงามหมดจดและทรงพลัง ทว่าอาจเพราะในมือของเขาคือดอกเหมย จึงดูคล้ายกับกำลังอยู่ในงานแสดงศิลปะการต่อสู้

ผมยืนอ้าปากค้าง สักพักก็นึกอยากมีเหล้าสักจอก ชมดูคนถือกิ่งเหมยร่ายรำ ถึงปกติคนรำจะเป็นสาวงามก็เถอะ เปลี่ยนมาดูหนุ่มรูปงามบ้างก็คงไม่ผิดนัก

ในที่สุดคนชุดดำทั้งหมดก็ร่วงไปกองกับพื้น แต่มีสองสามคนหนีไปได้ ผมตัดสินใจว่าจะลงเขาไปก่อน หากพวกเขาเรียกกำลังเสริมมาอีกคงจะลำบาก

ผมร้องเรียกเสี่ยวเกอ "เสี่ยวเกอ...เรารีบ"

ยังพูดไม่ทันจบผมก็โดนยกมือเป็นสัญญาณห้ามให้หยุด จากนั้นเขาก็ลากผมหลบเข้าข้างทางไปอย่างรวดเร็ว

จากมุมที่พวกผมอยู่มองเข้ามาเห็นได้ลำบาก แต่มองลอดออกไปสามารถเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน คนชุดดำอีกจำนวนหนึ่งมาพร้อมอาวุธครบมือ ทว่าทีนี้ไม่ใช่แค่กระบอง คงไม่ได้กะมาตีหนู แต่ฆ่ากันให้ตาย

พวกนั้นเห็นพวกผมหายไปก็วิ่งไปยังเส้นทางลงเขา สีหน้าแต่ละคนล้วนดุดัน มองผ่านๆ เห็นตราพยัคฆ์แบบเดียวกับที่เห็นบนกระบองก่อนหน้านี้อยู่หลายตำแหน่ง ผมถอนหายใจ งานนี้กลับไปคงต้องไปเคลียร์อีกหลายเรื่อง แต่ก่อนอื่นคงต้องลงเขาไปสมทบกับพวกลูกน้องเสียก่อน

ขณะกำลังครุ่นคิด เสี่ยวเกอดึงมือผม จากนั้นก็ชี้ไปอีกทางหนึ่ง "ทางนี้"

ผมเดินตามเขาไป ระหว่างนั้นก็อดถามไม่ได้ "แขนนาย...เราหยุด..."

"ตอนนี้ไม่ได้" เสี่ยวเกอตอบสั้นๆ พลางสาวเท้าเร็วขึ้น ผมมองแขนของเขา อดคิดถึงเมื่อนานมาแล้วที่เขาเคยกลับมาช่วยผมจนแขนบาดเจ็บไม่ได้...ท่าทางผมกับแขนเขานี่จะมีกรรมต่อกันจริงๆ

"...เจ็บไหม"ผมถามเขาเสียงแผ่ว

"ไม่เป็นไร" เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"นายเนี่ย เคยรู้สึกเจ็บกับเขาไหมเนี่ย" ผมขมวดคิ้ว หมอนี่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยแสดงความเจ็บปวดออกมา

"เคย" เขาเอ่ย จากนั้นก็ลดฝีเท้า หันกลับมามองผม

ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นคล้ายมีมนตร์สะกด ผมเหม่อมองจนเกือบหยุดเดิน เสี่ยวเกอคลี่ยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น "ตอนนายบาดเจ็บ"

จากนั้นพวกเราก็เดินกันต่อโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก

บนจื่อจินซานมีดอกเหมยสีชมพูอมแดงบานสะพรั่งเหมือนมีใครใช้ปลายพู่กันแตะแต้มลงไป ครั้นแหงนมอง ผมคล้ายรู้สึกพวกมันกำลังแย้มขันสองแก้มของผม

...ที่ในยามนี้มีสีสันไม่ต่างอะไรกับดอกเหมยที่กำลังผลิบาน





+++

END
26/11/2014







4 ความคิดเห็น:

  1. ยังจะมีแก่ใจมาหยอดคำหวานกันอีกนะคะ หวายยยยยยยยยยย (●´∀`●)
    อายุอานามก็ไม่ใช่น้อ----- แฮ่ม ดูสถานการณ์รอบข้างบ้าง

    ตอบลบ
  2. นี่ต้องเป็นฉากคนบาดเจ็บที่หวานที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาแน่เลยค่ะ แอร๊ย ///////// มดขึ้นหมดแล้วค่ะ *ปัดๆๆ* (ฮา)
    กลายเป็นแม้ในยามคับขันกลับมีหนุ่มงามมารำดอกเหมยให้ดู นายน้อยของเราเป็นคนมีบุญจริง ๆ *หัวเราะ*
    แต่พอพูดถึงชมดอกเหมย ทำเอานึกถึงเทศกาลชมดอกบัวที่ซีหูช่วงเดือนเจ็ดเดือนแปดเลยค่ะ สงสัยเพราะสีชมพูดเหมือนกัน (รู้สึกจะเรียก 西湖荷花展 (ซีหูเหอฮัวจร่าน) )

    คิดมาสักพักแล้วว่าเซ็ตดอกไม้นี้ เสี่ยวเกอตรงไปตรงมามาก คิดแบบไหนก็แสดงออกแบบนั้น
    ต่างกับสิบปีก่อนหน้า ที่ยังมีช่วงไม่พูดไม่จาไม่แสดงออกใด ๆ อยู่เยอะกว่า แบบนี้เลยเห็นการเติบโตของคาแร็กเตอร์เสี่ยวเกอชัดเจน
    ได้อ่านฟิคที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ถึงที่ผ่านมาทั้งคู่จะมีช่วงลำบากบ้าง แต่ก็ยังมีความสุขไปตามประสาด้วยกันได้
    บวกกับบรรยากาศในฟิกคุณด้วงโกะ แค่นี้ด้วงอย่างเราไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ โฮรวววววว

    ชอบสำนวนในฟิกคุณด้วงโกะมากค่ะ
    ขอด้วงมโนสักครู่ใหญ่ ๆ นะคะว่าของจริงก็จบแบบนี้ //ปักป้ายอย่าปลุกกำลังฝัน
    (^ ท่านประมุขหนานไพ่คงบอก ต่อให้ปลุกพวกเธอก็ไม่คิดจะตื่นกันอยู่แล้ว (...) )

    ป.ล. ว่าแต่อ่านจนถึงช่วงฮวาฮวาซื่อเจี้ย ยวนยางหูเตี๋ย ทำเอาติดหูเลยค่ะ! เพลงท่านเปาวิ่งไปวิ่งมาในหัวไม่หยุดเลย กร๊าก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. > < แอ๊ะ ขอบคุณค่ะ ลืมเทศกาลดอกบัวไปได้ยังไง (จำแต่ดอกกุ้ย ทั้งๆ ที่รู้ว่าซีหูมีบัวแท้ๆ) ตอนนี้เที่ยวรอบนอกกันก่อนค่ะ เดี๋ยวไว้ค่อยกลับมาทัวร์หังโจวกัน

      เพลงท่านเปาเราก็ติดหูท่อนนี้แหละค่ะ *คิดถึงแล้วจะหลอนวนไปวนมาเหมือนกัน*

      ลบ
  3. อร๊ายยยย
    เขินนนน
    พวกเธอจะมาจีบกันอะไรตอนนี้คะ
    >//////////<

    ตอบลบ