วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][瓶邪] Silent touch

 

"Silent touch"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)

เซ็ตเทศกาลชมดอกไม้: ดอกหลี

**Spoiler Warning**


เดือนเมษายน ดอกไม้พากันเบ่งบานรับฤดูใบไม้ผลิ ผมจากหังโจวมาลั่วหยาง

งานนี้เป็นการรับส่งของที่ออกจะวุ่นวายอยู่สักเล็กน้อย ก่อนนี้ผมไหว้วานพวกลูกน้องสามครั้ง ล้วนประสบปัญหาทั้งสามครั้ง สุดท้ายนัดแนะกันกับอีกฝ่ายได้เป็นครั้งที่สี่ ผมจึงตัดสินใจลงมือเอง

ลั่วหยางในยามนี้มีดอกหมู่ตาน (โบตั๋น) ผลิบานสะพรั่ง นักท่องเที่ยวพากันมาชมดอกไม้

ผมและเสี่ยวเกอวันนี้แต่งตัวปะปนอยู่กับนักท่องเที่ยว อันที่จริงดูประหลาดไม่น้อยสำหรับผู้ชายแบบพวกผมมาเดินชื่นชมดอกไม้ด้วยกันสองต่อสอง แต่เพราะเขาไม่สนใจอะไร ส่วนผมก็หน้าหนาจนไม่รู้จะหนาไปกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว จึงไม่คิดอะไรมาก

ครั้นมาถึงจุดที่ต้องการ ผมเดินไปตามโพยที่ได้รับมาเพื่อหาของ "ซ้ายสาม ขวาสอง..."

เมื่อดินมาตามคำบอกจนถึงจุดสุดท้าย ผมก็พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกหมู่ตาน นอกจากดอกไม้แล้วไม่เห็นอย่างอื่น ได้แต่มึนงงเล็กน้อย จนกระทั่งเสี่ยวเกอสะกิดผม ชี้ไปทางดอกหมู่ตานสีชมพูเข้มดอกหนึ่ง เมื่อหรี่ตามองดีๆ จึงเห็นความผิดปกติของมัน

ที่แท้แล้วนั่นเป็นดอกไม้ปลอม เพียงแต่ทำได้ประณีตมาก ซ้ำยังอยู่ในตำแหน่งที่หากมองผ่านๆ ไม่มีทางมองออก ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก "มาซ่อนอยู่นี่เองเรอะ"

ผมเดินเข้าไปใกล้ มองไปรอบๆ เพื่อดูต้นทาง จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ดอกหมู่ตานดอกดังกล่าว จากนั้นก็พยายามจะแกะมันออกมาแบบไม่ดูกระโตกกระตาก ทว่าพยายามดึงอยู่นาน ทำอย่างไรก็เอาไม่ออก จนกระทั่งมีมือมาแตะบ่าผม เสี่ยวเกอขยับตัวมานั่งยองๆ ข้างๆ "ฉันเอง"

จากนั้นเขาก็ใช้ปลายนิ้วคล่องแคล่วขยับไปมาอย่างรวดเร็ว ทุกท่วงท่าดูนุ่มนวล ทว่าไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่า ครู่หนึ่งก็สามารถปลิดดอกไม้ปลอมดังกล่าวออกมาได้สำเร็จ จากนั้นก็ส่งให้ผม

จังหวะที่เขากำลังจะเงยหน้าขึ้นมา ผมร้องเรียกไว้ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างตื่นตกใจ เสี่ยวเกอชะงักและจ้องมองผมที่รีบโบกไม้โบกมือ "อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งขยับนะ"

ที่รีบเอ่ยอย่างลนลานก็เพราะขณะนี้เหนือศีรษะของเสี่ยวเกอ ดอกหมู่ตานดอกใหญ่อยู่เหนือศีรษะเขาพอดี พาลให้คิดถึงเครื่องประดับศีรษะของสาวยุคโบราณ ผมรีบควานหาโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงกลั้วขัน "เอ้า ยิ้มหน่อย"

หากเป็นเมื่อก่อน ผมมั่นใจว่าเสี่ยวเกอคงสะบัดหน้าหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาเพียงมองผมนิ่งๆ ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ผมเพียงผู้เดียว ทำเอามือไม้สั่นเล็กน้อย โชคดีโทรศัพท์สมัยนี้เทคโนโลยีไม่เลวเลย ต่อให้มือสั่นเล็กน้อยก็ยังถ่ายออกมาได้สวยงาม

ผมมองภาพดังกล่าว ตั้งใจจะใช้เป็นภาพหน้าจอ แต่แล้วกลับนึกอะไรขึ้นได้ ร้องบอกเสี่ยวเกอที่กำลังจะขยับตัวให้หยุดอีกครั้ง จากนั้นตนเองก็ขยับเข้าไปใกล้เขา พลางปรับกล้องโทรศัพท์ให้เป็นกล้องหน้า อันที่จริงผมใช้เจ้าผลไม้นี่ไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ ซิ่วซิ่วเป็นคนสอนผมพลางบ่นว่าผมเหมือนคนแก่

ครั้นเลื่อนตำแหน่งภาพจนพอใจ ผมก็ยิ้มให้กล้อง พลางเอ่ยกับคนข้างตัว "ยิ้มหน่อย"

แว่วเสียงกล้องทำการเก็บภาพ ในเสี้ยววินาทีนั้น เสี่ยวเกอที่อยู่ข้างผมแย้มยิ้มเล็กน้อย...

เสียงของผู้คนดังมาจากที่ไกลๆ เราสองหันไปสบตากัน...

ท่ามกลางกลิ่นหอมหวานของดอกหมู่ตาน ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอย่างเงียบงัน





+++

END
25/11/2014








2 ความคิดเห็น:

  1. โอยยยย
    นึกว่าตอนนี้จะไม่มีอะไรซะแล้ว
    จบตอนนี้ช่าง.... จริงๆค่ะ >///////<

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ1 ธันวาคม 2557 เวลา 21:10

    ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกก
    น่ารักอ้ะะะะะะะะ
    คือไม่ต้องอะไรมาก ฟีลเบาๆสบายๆ แบบนี้สุดยอดมากอ่ะ
    //โบกธงเรือหลักอย่างก้าวร้าว

    ตอบลบ