วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

[Daomu Fan-fiction][AU Daomu-High] ไม่ชัดเจน

 

"005. ไม่ชัดเจน"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) AU Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (คู่หลัก) , 黑盟 เฮยเหมิง  + รวมมิตรตัวละคร

ตอนก่อนหน้า:
ภาคชมรมคัดอักษร ชมรมของผม || หัวหน้าห้องแซ่จาง || ลูกน้องหกร้อยหยวน
ภาคตำนานเรื่องสยองขวัญทั้งเจ็ด ปฐมบท
ภาคการฝึกตนของท่านประธาน นายแว่นดำ || นายแว่นดำ VS ลูกพี่อู๋


**Warning: แฟนฟิคเรื่องนี้เป็นนิยาย AU (โลกสมมติ) นะคะ**



นายบอดดำได้รับเมล็ดทานตะวันมาถุงใหญ่จากนักเรียนที่เขาช่วยทำแผลให้เมื่อหลายวันก่อน

เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลจะว่าสบายก็สบาย จะว่าลำบากก็ลำบาก วันดีคืนดีนักเรียนเกิดไปแตะถูกกลไกประหลาดในโรงเรียน เกิดมีขนขาวงอกทั่วตัวจนต้องโร่มาให้เขารักษาก็บ่อยไป แต่โชคดีวันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันอันเงียบสงบ

นายบอดดำคว้าถุงเมล็ดทานตะวันขึ้นมา พลางยิ้มน้อยๆ

...เมล็ดทานตะวันก็ต้องให้หนูแฮมสเตอร์

ว่าแล้วเขาก็พาตัวเองออกจากห้องพยาบาล เดินสาวเท้าฮัมเพลงตรงไปยังห้องของชมรมคัดอักษร ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นอู๋เสียยกสองมือขึ้นตั้งการ์ดทันที จางฉี่หลิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งเหม่อต่อ

...แต่ไม่เห็นวี่แววของสมาชิกคนที่สาม

"อ้าว หนูน้อยไปไหนเสียแล้วล่ะ?" เขาเอ่ยถามเมื่อไม่เจอคนที่ต้องการ

"หนูไหน" อู๋เสียถามกลับ สายตาจ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง

"เสี่ยวเหมิงเหมิง (เหมิงเหมิงน้อย) ไง" นายบอดดำพูดพลางยิ้มกว้าง ชื่อนี้เขาเพิ่งคิดได้เมื่อครู่ อันที่จริงคือนึกแซ่ของคนที่เอ่ยถึงไม่ออก จำได้ว่าค่อนข้างโหล หวัง? หลี่? หรือหลิว? ที่แน่ๆ ไม่ใช่จาง อันที่จริงเหมิงใช้อักษรตัวไหนเขาก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

ฟัง 'เสี่ยวเหมิงเหมิง' แล้วท่านประธานอู๋ทำหน้าเหมือนอยากสำรอกอาหารกลางวันออกมา ซึ่งฝ่ายตรงข้ามเห็นแล้วตลกดีจึงจำไว้ว่าคราวหน้าต้องเรียกแบบนี้อีก

"หมอนั่นไม่รู้หายไปไหน" ท่านประธานชมรมตอบ ขณะไม่ละสายตาไปจากสองมือของนายบอดดำ ซึ่งในฐานะอาจารย์แล้ว เขาค่อนข้างพอใจที่ลูกศิษย์รู้จักระมัดระวังตัว ไม่เสียแรงที่ฟาดเอาๆ จริงๆ ระหว่างท่านอาจารย์กำลังชื่นชมศิษย์อยู่นั้น เจ้าตัวก็ถามขึ้นมาด้วยเสียงขุ่นๆ "นายมีอะไร"

"ก็ว่าจะมาให้อาหารเสียหน่อยน้า แต่ไม่อยู่ก็ช่างเถอะ" นายบอดดำเทเมล็ดทานตะวันกองหนึ่งไว้บนโต๊ะข้างๆ ที่นั่งของจางฉี่หลิงที่ปรายตามองเขาเล็กน้อย "แบ่งให้พวกนายก็แล้วกัน"

พูดจบเขาก็ซัดขว้างเมล็ดทานตะวันเมล็ดหนึ่งใส่ท่านประธานอู๋ที่เผลอวางใจว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มารังแกตัวเอง ร่างของอู๋เสียกระเด็นไปด้านหลังพร้อมเสียงโหยหวน "จ๊ากกกกกกกกกกกกกก"

นายบอดดำจุ๊ปาก "บอกแล้วไงว่าอย่าประมาทศัตรูน่ะ นายนี่เผลอไม่ได้เลย"

อู๋เสียกุมศีรษะบวมปูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า "โว้ยยยย ต่อไปนายห้ามเข้าใกล้ชมรมคัดอักษรในรัศมีสิบ ไม่สิ ร้อยเมตร...ฉี่หลิง ถ้าหมอนี่ยังมาอีกก็จัดการซะ"

จางฉี่หลิงที่นั่งเหม่อสะดุ้งเล็กน้อย หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เห็นได้ชัดว่าไม่คุ้นเคยกับการถูกเรียกเช่นนั้น เขาเหม่อแบบนั้นสักพัก จากนั้นก็หันมามองนายบอดดำ...จิตสังหารพวยพุ่งชัดเจนจนแทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลางเอ่ยอย่างเชื่องช้า "จะให้จัดการเขาตอนนี้เลยไหม"

ไม่รอให้ท่านประธานอู๋เอ่ยตอบรับหรือปฏิเสธ นายบอดดำก็เผ่นแผล็วไปจากห้องชมรมคัดอักษรเรียบร้อย กับจางฉี่หลิง หากสู้กันจริงจัง ทางเดียวที่จะชนะคือยอมตายตกไปตามกันเท่านั้น ซึ่งนายบอดดำไม่ขอตายร่วมกับคนน่ากลัวแบบนี้เป็นอันขาด


xxx


หลังเดินวนเวียนรอบโรงเรียน ในที่สุดเขาก็เจอหวังเหมิง

ที่แท้แล้วเจ้าหนูแฮมสเตอร์กำลังนอนอาบแดดอยู่ ช่วงนี้เข้าหน้าหนาว หวังเหมิงสวมเสื้อหนาวเก่าๆ ตัวหนึ่ง นอนขดตัวนิ่งๆ หลับเป็นตาย เห็นแล้วชวนให้ผู้คนรู้สึกขบขัน นายบอดดำเดินตรงเข้าไปใกล้ ทีแรกคิดว่าหวังเหมิงจะไม่ตื่น แต่กลับคิดผิด ดวงตาปรอยปรือลืมขึ้นมองเขา "เสียจื่อ?"

พอเห็นว่าเป็นคนที่ตัวเองรู้จัก หวังเหมิงก็กลับไปนอนต่อ ก่อนนี้หวังเหมิงโดนกลั่นแกล้งใช้เป็นกระเป๋าน้ำร้อนเสียจนจากที่เขากลัว 'ลูกพี่ใหญ่' คนนี้แทบเป็นแทบตาย ลดเหลือแค่ระดับ 'พวกชอบกลั่นแกล้ง' เท่านั้น ซึ่งสมัยก่อนเขาก็โดนเป็นประจำ วิธีรับมือคือหนีได้ก็หนี หนีไม่ได้ก็ยอมอยู่นิ่งๆ โดนรังแกไป พอเขาไม่ร้องไห้คร่ำครวญ เดี๋ยวพวกนั้นก็เบื่อเอง

นายบอดดำนั่งลงข้างๆ จากนั้นก็ส่งถุงเมล็ดทานตะวันให้ "ฉันเอามาฝาก"

หวังเหมิงกะพริบตาสองสามที ก่อนยันตัวขึ้นนั่ง จากนั้นก็รับถุงของกินมา ก่อนหน้านี้นายบอดดำเคยบังคับลูกพี่เขากินขนมชุดใหญ่มากชนิดที่เจ้าตัวบ่น "แม่ง เบาหวานแดกแหง" โดยบอกว่าเป็นหนึ่งในการฝึก ช่วงนั้นหวังเหมิงเลยได้รับอานิสงส์เรื่องของกินมาด้วย แรกๆ เขากลัวแบบเพ้อเจ้อไปเองในระดับที่ว่าอีกฝ่ายอาจจะใส่ยาพิษในขนม แต่ผ่านไปได้สักพัก เขาก็พบว่ามันเป็นแค่ความคิดไร้สาระสิ้นดีของตัวเอง

หลังจากนั้นพวกเขาก็นั่งเงียบๆ หวังเหมิงค่อยๆ แกะเปลือก พลางส่งเมล็ดทานตะวันเข้าปาก

อากาศในวันนี้กำลังสบาย แสงแดดสาดส่องทำให้รู้สึกอบอุ่น ไม่ถึงขั้นต้องขดตัวด้วยความหนาว เขาสองคนนั่งเงียบๆ มองผู้คนเดินผ่านไปมา หวังเหมิงไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ คนที่หวังเหมิงพอจะรู้ว่าเป็นใครก็มีแค่รุ่นพี่แซ่หวังหรือพี่อ้วนหวัง เพื่อนสนิทของลูกพี่ที่เดินลิ่วๆ ตามรุ่นน้องสาวชาวเย้าลูกสาวลุงร้านขายข้าวที่โรงอาหารไปโดยไม่สนใจพวกเขา กับรุ่นพี่อาหนิงที่มาพร้อมกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติที่เขาจำชื่อไม่ได้สักคน แต่เคยติดตามลูกพี่ไปนั่งดื่มด้วยกัน รุ่นพี่แซ่ซุ่นที่เป็นลูกครึ่งเกาหลีที่เดินก้มหน้าก้มตาไม่ทักไม่ทายใคร อ้อ...มีลุงภารโรงหน้าบูดที่ลูกพี่เขาชอบล้อเป็น "เมินตัวพ่อ" อีกคน

แต่คนข้างตัวดูเหมือนจะมีคนรู้จักเต็มไปหมด สองในสามของนักเรียนที่เดินผ่านต้องโบกมือทักทายเขา

"เจ้าหนุ่มนั่นเคยโดนหน้ากากจิ้งจอกเกาะหลัง แงะตั้งนานกว่าจะออก"

"ส่วนแม่หนูคนนั้นเคยถูกวานรสมุทรกัดจนขาเป็นแผลเหวอะไปหมด"

"หมอนั่นโดนหนอนกู่"

"คนนั้นสู้กับผีแม่ย่า"

"แล้วก็..."

ฯลฯ

ระหว่างยิ้มรับให้นักเรียน อาจารย์พยาบาลผู้ยิ้มแย้มแจ่มใสก็เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้จักแต่ละคนไปด้วย หวังเหมิงฟังแล้วรู้สึกว่าแค่เป็นหวัดสมควรนอนให้หายเองมากกว่าไปห้องพยาบาลจริงๆ

นั่งฟังคนบรรยายไปพลางแทะเมล็ดทานตะวันไปเรื่อยก็เพลินดี หวังเหมิงคิด เขามองคนที่เดินผ่านไปผ่านมา...นึกไม่ออกสักคน จนกระทั่งเห็นอาจารย์อู๋ซันเสิ่งและอาจารย์พานจื่อที่แทบจะเดินตามกางร่มให้พร้อมหิ้วกระติกน้ำร้อนและสารพัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเต็มอ้อมแขน เขาจึงค่อยรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่แดนสนธยาที่ตัวเองหลุดมา

"อาจารย์สาม เมล็ดทานตะวันไหม" นายบอดดำร้องทักฝ่ายนั้น อู๋ซันเสิ่งมองเขาพลางโบกมือ "ไม่มีเวลามาคุยกับนายแล้ว" จากนั้นก็รีบจ้ำไม่หยุด แต่แล้วกลับคิดอะไรได้ เดินย้อนกลับมายัดของบางอย่างใส่มืออีกฝ่าย "ถ้าใครถามถึงฉัน บอกว่าไปอีกทางหนึ่ง โอเคนะ"

จากนั้นก็รีบวิ่งหายไปทางสวนหลังโรงเรียน

สักพักก็มีอาจารย์อู๋...หวังเหมิงกะพริบตา ไม่สิ โรงเรียนนี้มีอาจารย์หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว คนหนึ่งอู๋ คนหนึ่งเซี่ย วิธีเดียวที่พวกนักเรียนจะแยกออกคือมองหาอาจารย์พานจื่อแฟนพันธุ์แท้อู๋ซันเสิ่งที่คอยติดสอยห้อยตามเท่านั้น คนคนนี้เดินมาตัวเปล่า แปลว่าคืออาจารย์เซี่ยเหลียนหวน ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาพวกเขา จากนั้นก็ถามนายบอดดำ "เห็นอู๋ซันเสิ่งไหม"

นายบอดดำยิ้มๆ พลางชี้ไปทิศทางตรงข้ามกับที่อาจารย์อู๋ซันเสิ่งเดินไป แต่อาจารย์เซี่ยเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย เดินตรงไปอีกทาง นายบอดดำร้องถาม "ทำไมถึงรู้ล่ะครับ"

"ในมือนายมีหนังสือโป๊รสนิยมหมอนั่นอยู่...ยังต้องถามอีกเหรอ" อาจารย์เซี่ยตอบ พลางเดินดุ่มๆ ไปยังสวนหลังโรงเรียน ผ่านไปเกือบชั่วน้ำร้อนเดือด พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าอนาถดังกึกก้อง

ภายหลังว่ากันว่านักเรียนบางคนเห็นก้อนหินที่สวนหลังโรงเรียนสลักอักษรเลือดสี่แถว

ตาย  อู๋     ทำ     เซี่ย
ตา    ซัน   ร้าย   เหลียน
ไม่    เสิ่ง   ฉัน    หวน
หลับ

ชนรุ่นหลังได้แต่งุนงง...ข้อความกำกวมไม่ชัดเจน ไม่รู้ควรอ่านซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย แล้วใครมันทำร้ายใครกันแน่

ครั้นลับหลังอาจารย์เซี่ย โลกก็กลับคืนสู่ความสงบสุขได้เพียงชั่วครู่ เพราะไม่นานนักอาจารย์อู๋หมายเลขสองหรืออู๋เอ้อร์ไป๋ก็เดินมาหาพวกเขา หวังเหมิงเกร็งตัว พลางเขยิบไปหลบหลังเฮยเสียจื่อโดยไม่รู้ตัว ในบรรดาสามอาจารย์สกุลอู๋ เขากลัวอาจารย์รองอู๋มากที่สุด อาจารย์รองสอนวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งเขากับลูกพี่ต่างก็ไม่ได้เรื่องด้วยกันทั้งคู่ โดนดุเป็นประจำ

อาจารย์รองเดินเข้ามาขอหนังสือโป๊ในมือของนายบอดดำ แลกกับซาลาเปาร้านดังที่เขาถือติดมือมาด้วย นายบอดดำยินยอมส่งให้แต่โดยดี จากนั้นก็หยิบเอาไฟแช็คขึ้นมาจุดเผาหนังสือโป๊เล่มดังกล่าวในทันที จวบจนหนังสือมอดไหวหมดจึงดันแว่น พลางถามเขาด้วยเสียงเย็นๆ "เหล่าซานกับเสี่ยวหวนล่ะ?"

คราวนี้นายบอดดำชี้ไปทางที่ถูกต้องโดยไม่มีอิดออก ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ ก่อนสาวเท้าตรงไปทางสวนหลังโรงเรียนด้วยท่าทางมั่นคง

หวังเหมิงค่อยๆ ชะโงกผ่านไหล่อีกฝ่าย มองอาจารย์รองอู๋เดินจากไป ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมรับซาลาเปาที่นายบอดดำแบ่งให้มากัด...อื้ม อร่อยสมเป็นเจ้าดัง

แต่ยังไม่ทันได้พักหายใจหายคอดี อาจารย์อู๋คนที่สามแต่เป็นอู๋หมายเลขหนึ่งก็เดินตรงมาทางพวกเขา อาจารย์อู๋หมายเลขหนึ่งสอนวิชาสังคม เน้นพวกธรณีวิทยา ในบรรดาสามพี่น้อง แม้จะขี้บ่นจุกจิกไปบ้างแต่อาจารย์อู๋หมายเลขหนึ่งถือว่าอยู่ด้วยแล้วปลอดภัยต่อชีวิตมากที่สุด

ฝ่ายนั้นเดินดุ่มๆ มา ทีแรกคิดว่ามาหานายบอดดำ แต่ฝ่ายนั้นกลับเบือนหน้ามาทางหวังเหมิง จากนั้นก็ส่งกล่องข้าวให้ "ฝากให้ไอ้ลูกไม่รักดีหน่อย บอกมันมีเวลาก็หันไสหัวมาดูหน้าพ่อบ้าง"

จากนั้นอาจารย์อู๋หมายเลขหนึ่งก็เดินจากไป...หวังเหมิงกอดกล่องข้าวเอาไว้ อาจารย์อู๋หมายเลขหนึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของลูกพี่อู๋ของเขา สองคนนี้ถึงจะทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นห่วงกันและกันอยู่ดี

"แหม วันนี้ได้ครบหนึ่ง สอง สาม เลยนะ" นายบอดดำหัวเราะ "โอ๊ะ ได้หมายเลขห้าด้วย"

ที่แท้อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนพร้อมภรรยาพาสุนัขออกมาเดินเล่นเป็นพรวน อาจารย์ใหญ่ถูกเรียกว่าอู๋เหลาโก่ว ในเก้าตระกูลบอร์ดบริหารโรงเรียนถือเป็นตระกูลลำดับที่ห้า หลายคนจึงเรียกท่านว่าอาจารย์ใหญ่ห้า

โชคดีที่อาจารย์ใหญ่ไม่ได้ตรงมาหาพวกเขาแบบลูกๆ แต่มือหนึ่งจูงภรรยา อีกมือกวักเป็นสัญญาต้อนสุนัขเดินไปเรื่อยๆ เจอนักเรียนก็ยิ้มทักทาย บรรยากาศดูชื่นมื่นไปหมด

ทว่านายบอดดำกลับยิ้มเมื่อเห็นว่าทิศทางที่อาจารย์ใหญ่เดินไปมีขบวนของอาจารย์ย่าฮั่วกำลังเดินสวนมา เขาผิวปากหวือ "งิ้วมาแล้ว"

"?" หวังเหมิงที่สายตาไม่ดีเท่าอีกฝ่ายได้แต่สงสัย ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่าระงมไปหมด ทำเอาสะดุ้งโหยง คนข้างตัวโอบไหล่พลางตบแปะๆ ปลอบใจ แต่หวังเหมิงดันตัวออก

ถัดจากอาจารย์ใหญ่อู๋ อาจารย์อื่นๆ ที่เป็นหัวหน้าของเก้าตระกูลทั้งหลายต่างก็ปรากฏตัวกันให้ว่อน แม้แต่อาจารย์เฉินที่ไม่ค่อยชอบออกมาเดินปะปนกับนักเรียนยังมาในชุดบุผ้านวมกันหนาว ทำเอาหวังเหมิงสงสัยว่าวันนี้มันวันอะไรกันแน่ ครั้นมองไปที่คนข้างตัว ฝ่ายนั้นก็ยักไหล่เป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกัน

ครั้นเมื่อคิดว่าโลกคงสงบสุขแล้ว คุณชายเชิ้ตชมพูที่สวมเสื้อโค้ตตัวยาวสีขาวก็เดินผ่านพวกเขาไป เมื่อสังเกตเห็นพวกเขาก็หันมายิ้มจางๆ ให้ คนข้างตัวของหวังเหมิงยกมือขึ้นโบกพร้อมรอยยิ้มกว้าง

หวังเหมิงเหลือบมองอีกฝ่าย หลังจากที่รู้ว่าเป็นอาจารย์ห้องพยาบาล เขาจึงค่อยนึกออกว่าก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้มีข่าวลือในเชิง 'อย่างว่า' กับคุณชายเชิ้ตชมพูคนงามประจำโรงเรียน ซึ่งไอ้ 'อย่างว่า' ที่ว่าเป็นอย่างไรเขาก็ไม่รู้ เพราะเท่าที่หวังเหมิงสังเกต เขาพบว่าสายตาของคุณชายเก้าคนงามมักมองมาทางลูกพี่ของตนเสมอ...แต่ดูเหมือนลูกพี่จะไม่ทันสังเกต

ลับร่างของเซี่ยอวี่เฉิน หวังเหมิงก็เอ่ยถามขึ้นมา "ตกลงข่าวลือนั่นจริงไหม"

"ข่าวลือ? อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือ" นายบอดดำหัวเราะร่วน "เอ...ว่ายังไงดีน้า...ก็...นายคิดว่าไงก็แบบนั้นแหละ"

"แล้วคุณชอบเขาหรือเปล่า" หวังเหมิงถามต่อ ก่อนจะปรับคำพูด "แบบรักน่ะ"

"เห เปล่านี่...พวกเราอย่างมากก็แค่เล่นสนุกกันตามประสา" เขาตอบยิ้มๆ ก่อนจะแสร้งหยอก "สนใจเหรอ เหมิงเหมิง...น่าดีใจน้า~"

หวังเหมิงมองใบหน้ายิ้มๆ ของเขา จากนั้นก็ส่ายศีรษะ "น่าสงสาร"

"เอ๋"

"คุณเนี่ย น่าสงสารนะ ผมนึกว่าอย่างน้อยคุณกับคุณชายเก้าจะมีความสัมพันธ์ต่อกันบ้าง แต่ท้ายที่สุด...คุณก็ไม่รักใครเลยสักคน"

ดวงตาของคนพูดทำให้เขารู้สึกจุกอย่างน่าประหลาด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเช่นอู๋เสีย หมอนั่นจะมองเขาด้วยสายตา 'หมอนี่มันเพี้ยน' ถ้าเป็นจางฉี่หลิง...นั่นยิ่งมองเขาแบบอากาศธาตุ แม้แต่อาจารย์คนอื่นๆ ด้วยกัน ส่วนใหญ่ก็แค่มองด้วยสายตาสมเพชบ้าง เอือมระอาบ้าง หรือต่อให้เซี่ยอวี่เฉินคนนั้นก็เถอะ...ดวงตาคู่นั้นยามมองเขา ไม่เคยสะท้อนความรู้สึกแบบนี้ อันที่จริงมันไม่เคยสะท้อนความรู้สึกอะไร

หากจะมี เขาก็มองเห็นเพียงเงาเลือนๆ ของประธานแซ่อู๋แห่งชมรมคัดอักษรซ้อนทับอยู่ในดวงตาคู่นั้น

ภาพนั้นแม้ไม่ชัดเจน แต่เขาก็มองเห็นมันอยู่ตลอดเวลา

แต่คนตรงหน้าเขาไม่เหมือนกัน ดวงตาคู่นั้นส่งผ่านความสงสารออกมาอย่างชัดเจน

เขาคล้ายรู้สึกขมขื่นกว่าปกติ บางทีอาจเพราะคล้ายเป็นสิ่งมีชีวิตทรงพลังอำนาจที่ถูกสัตว์เล็กตัวกระจ้อยร่อยมองด้วยความสงสาร

น่าสงสาร...เขาน่ะหรือ

"เฮ้ ถ้าฉันน่าสงสาร แล้วพ่อหนุ่มใบ้จาง ไม่สิ จางฉี่หลิงนั่นล่ะ?" เขาถามกลับ อันที่จริงปกติแล้วเขาควรจะยิ้มรับ แต่ครั้งนี้เขากลับยิงคำถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

"หัวหน้าห้องจาง? คนคนนั้นมีอะไร" คนถูกถามไม่เข้าใจ

"หมอนั่นน่ะไม่รู้จักความเจ็บปวดด้วยซ้ำ" นายบอดดำเอ่ย เมื่อนานมาแล้วเขาเคยเทียบตัวเองกับคนในตระกูลจาง จากนั้นก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาอยางประหลาดว่าอย่างน้อยคนแบบเขาก็ไม่ใช่ปีศาจไม่เจ็บไม่ปวดราวกับหินผาแบบนั้น

"แต่เขารู้จักที่จะรัก" หวังเหมิงตอบเสียงเรียบขณะส่งเมล็ดทานตะวันเข้าปากตัวเอง "หัวหน้าจางแค่ไม่แสดงออกทางสีหน้า ไม่พูดออกมาด้วยคำพูด แต่ผมว่าเขารู้จักนะ...ความรักน่ะ"

"ฉันก็รู้จักนะ" ใบหน้าของนายบอดดำกลับมามีรอยยิ้มเลื่อนเปื้อนอีกครั้งหนึ่ง

"แต่คุณกลัวที่จะรัก"

"กลัว...ฉันเนี่ยนะ" ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มคลายลงเล็กน้อย

"อื้อ" หวังเหมิงพยักหน้า อากาศหนาวทำเขาห่อไหล่ ปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวให้เปลืองพลังงานเท่าไหร่ แค่พูดเยอะๆ ก็รู้สึกง่วงแล้ว เขาว่าพลางหาววอดออกมา "เพราะงั้นถึงน่าสงสารไง...ฮ้าว"

ยังไม่ทันพูดจบ หวังเหมิงก็ชะงักด้วยสิ่งที่คล้ายกับจิตสังหารพวยพุ่งออกมาจากร่างของฝ่ายตรงข้าม เขาสะดุ้งโหยงจนเกือบทำเมล็ดทานตะวันหล่น ทว่านายบอดดำไม่ได้ทำอะไรเขา เพียงแค่มองมา ใบหน้านั้นปราศจากรอยยิ้มเหมือนทุกที

เดิมทีคนขี้ขลาดอย่างหวังเหมิงเตรียมทิ้งของแล้วหนีไป แต่ครั้งนี้เขากลับเปลี่ยนใจ เลือกที่จะรวบรวมความกล้า เอื้อมมือเข้าไปหาอีกฝ่ายที่เกร็งตัวจนเขาถึงกับสะดุ้งโหยง แต่ถึงกระนั้นหวังเหมิงก็เลือกที่จะแตะมือของตนเองลงบนหลังมือของอีกฝ่าย

"เสียจื่อ" หวังเหมิงทอดเสียงขณะคว้ามือนายบอดดำขึ้นมาให้แบมือค้างไว้ จากนั้นก็แกะเมล็ดทานตะวันวางบนฝ่ามือเขาทีละเมล็ด "...กินเถอะ เอาไว้อิ่มท้อง คุณค่อยคิดเรื่องความรักก็ได้"

นายบอดดำมองคนที่นั่งแกะเมล็ดทานตะวันวางให้เขาทีละเมล็ดอย่างตั้งอกตั้งใจ เมล็ดทานตะวันแสนอร่อย วันนี้กลับฝืดคอ

ระหว่างที่พวกเขานั่งกินกันเงียบๆ จู่ๆ หวังเหมิงก็ถามขึ้นมาด้วยเสียงยานคาง "ว่าแต่ ทำไมคุณถึงใส่แว่นดำนะ?"

"เพราะแบบนี้ฉันมองเห็นได้ชัดกว่า" เขาเอ่ยตอบตามความเคยชิน ก่อนจะเตรียมตั้งรับทันทีที่รู้สึกว่ามีคนยื่นมือพุ่งใส่ใบหน้า ทว่าฝ่ายตรงข้ามคือหวังเหมิงที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าเป็นเต่าคลาน เขาจึงหยุดและรอดูว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

หวังเหมิงค่อยๆ ดึงแว่นตากันแดดของเขาออก พับเสียบในกระเป๋าเสื้อให้เขา จากนั้นก็หันกลับไปแทะเมล็ดทานตะวันต่อ

"มองโลกไม่ชัดบ้างก็ได้" เขาเอ่ย "บางทีเพราะคุณมองชัดเกินไป ถึงได้กลัว"

คำพูดนั้นคล้ายแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง นายบอดดำหัวเราะออกมาเบาๆ "นั่นสินะ...ไม่ชัดบ้างก็ดี"


xxx


ฝ่ายท่านประธานอู๋ หลังลับร่างของนายบอดดำ เขาก็คลำหัวปูดๆ ของตนเองด้วยความแค้นใจ รอยปูดก่อนนี้ที่หมอนั่นฝึกวิชาให้เขายังไม่ทันยุบดีก็โดนฟาดอีกแล้ว นี่เขาคิดว่าสมองเขาป่านนี้คงเละเป็นน้ำไหลออกทางจมูกหมดแล้ว

"อู๋เสีย" เสียงเรียกของจางฉี่หลิงทำให้เขาหลุดจากภวังค์ ที่แท้แล้วเมล็ดทานตะวันเกือบทั้งหมดถูกแกะเปลือกเรียบร้อยพร้อมกิน อู๋เสียมองสองนิ้วที่ยาวกว่าปกติของจางฉี่หลิงขยับอย่างรวดเร็วด้วยความทึ่ง

ที่แท้แล้วนิ้วยาวๆ นั่นไว้แกะเมล็ดทานตะวัน...น่าทึ่งจริงๆ อู๋เสียกะพริบตาปริบๆ ขณะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆ จางฉี่หลิง แทะเมล็ดทานตะวันที่มีคนแกะให้แล้วอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมมองคนแกะไปพลางๆ "ฉี่หลิง นายนี่มันเป็นเซียนแกะเมล็ดทานตะวันจริงๆ"

ทันทีที่เขาเรียกอีกฝ่าย มือที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วของจางฉี่หลิงก็ชะงัก เมล็ดทานตะวันกระเด้งหลุดจากมือ ฟาดเข้าที่หน้าผากของอู๋เสียตรงจุดเดิมที่นายบอดดำทำไว้ "โอ๊ยยยย!"

ท่านประธานอู๋กลิ้งโคโล่ พลางตะเบ็งเสียง "จางฉี่หลิง! นายไม่พอใจฉันก็บอกมาดีๆ ก็ได้โว้ย ไม่ต้องลอบทำร้ายกันแบบนี้"

จางฉี่หลิงลุกจากที่นั่ง ก่อนขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่กุมศีรษะที่มีรอยแดงแจ๋ จากนั้นก็...เป่าเบาๆ

"..." ประธานอู๋ชะงักค้าง คำด่าทอบรรพบุรุษตระกูลจางทั้งหมดกระเด็นหายไปพร้อมแรงเป่า อันที่จริงสติสัมปชัญญะของเขาก็กระเด็นตามไปด้วยเป็นที่เรียบร้อย

"ยังเจ็บอยู่ไหม" เสียงทุ้มต่ำถามเขา สีหน้าของคนถามยังคงเหมือนเดินคือนิ่งเฉยราวกับปลาตาย อู๋เสียไม่แน่ใจว่าคำถามนี้ควรจะแปลความว่าอย่างไร แต่เขาก็เผลอพยักหน้าไป

ทันทีที่พยักหน้า เขาก็สัมผัสได้ถึงลมร้อนๆ อีกครั้ง จางฉี่หลิงเอื้อมมือมาจับรวบผมหน้าของเขาขึ้น จากนั้นก็เป่าฟู่ๆ หากเป็นปกติอู๋เสียคงด่าไปแล้วว่าเห็นเขาเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร แต่เพราะตอนนี้เขาไม่ปกติ ไม่ปกติมากๆ บางทีสมองคงเป็นน้ำไหลออกทางจมูกไปหมดตั้งแต่ฝึกวิชากับนายบอดดำนั่นแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้เขาได้แต่นั่งบื้อ ดูคนที่เป่ารอยปูดบวมให้เขา

หลังจากนั้นเมื่อมีโอกาส เขาจึงลองถามอีกฝ่าย "นายไปเรียนมาจากไหน"

จางฉี่หลิงยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก ทำเอาอู๋เสียอยากควักโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายเก็บไว้ หลังยิ้มค้างสักพัก เขาจึงตอบ "แม่ฉัน"

อู๋เสียกะพริบตา ตกเย็นกลับหอ ระหว่างอาบน้ำเขาลองจินตนาการ 'แม่' ของหัวหน้าห้องแซ่จาง จะเป็นสาวงามแบบไหนกันหนอ...ถึงครุ่นคิดเช่นนั้น แต่สุดท้ายเขาก็นึกออกเพียงใบหน้าของนายเมินโหยวผิงเรือพ่วงในชุดกี่เพ้า

แม่ม่ายเรือพ่วง...ลูกชายเป็นเรือพ่วง (ลูกติด)... อู๋เสียคิดซ้ำๆ ก่อนจะสะบัดศีรษะ ไร้สาระ!

แต่กี่เพ้าไม่เลว...ไม่เลวเลยจริงๆ เอาไว้งานวัฒนธรรมโรงเรียน สมาชิกชมรมคัดอักษรใส่ชุดกี่เพ้าก็ไม่เลว คราวนี้ต่อให้ต้องคุกเข่าของบประมาณจากอาสาม ท่านประธานอู๋ก็ยินยอม หรืออย่างแย่เขาจะโทรไปขอร้องยัยหนูฮั่วซิ่วซิ่ว เชื่อว่าแม่หนูนั่นคงพอมีทางช่วยเหลือ

จางฉี่หลิงกี่เพ้าเป็นเรื่องหลัก ส่วนไอ้สมาชิกที่เหลือนั่นก็ถือว่าของแถมก็แล้วกัน

พูดไปแล้ว งานวัฒนธรรมโรงเรียน? เหมือนมีอะไรสักอย่างที่เขานึกไม่ออก...คลับคล้ายคลับคลาว่าใครสักคนบอกจะกลับมาวันนั้น แต่ใครกันนะ...ช่างเถอะ ท่านประธานอู๋กลับไปคิดถึงแผนกี่เพ้าของตัวเองต่อ

ช่วยไม่ได้ จินตนาการอย่างเดียวมันเห็นภาพไม่ชัดเจน อย่างไรเสียก็ต้องใส่จริงถึงจะดี

สีแดงไม่น่าเหมาะ...สีน้ำเงินน่าจะดีกว่า

ท่านประธานอู๋วาดแผนในใจอย่างมั่นเหมาะ พลางหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังในห้องน้ำ ลูกน้องหกร้อยหยวนที่กำลังหลับฟุบคาการบ้านถึงกับสะดุ้งโหยง พลางมองไปทางห้องน้ำที่พวกเขาใช้ร่วมกันอย่างหวาดๆ

...ลูกพี่หัวเราะแบบนี้ทีไร ไม่รู้ทำไม เขาซวยด้วยทุกงาน

ท่ามกลางเสียงหัวเราะของท่านประธานอู๋แห่งชมรมคัดอักษร...เซี่ยอวี่เฉินกำลังคุยโทรศัพท์กับฮั่วซิ่วซิ่วเรื่องคอสตูมงานโรงเรียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ในฐานะประธานจัดงานวัฒนธรรม...สั่งหัวหน้าแต่ละชมรมใส่ชุดอะไรดีนะ?


+++

TBC
15/09/2014






Talk Time:

ขอต่อ แฮ่กๆ

ไม่ได้เขียนถึงท่านประธานเหมา เอ๊ย ประธานอู๋เสียคู่กับหัวหน้าห้องแซ่จางเสียนานเลย อิ คิดมานานแล้วว่าอยากให้เปลี่ยนชื่อเรียกบ้าง เรียกเล่นๆ ว่าเมินโหยวผิงในใจนี่โอเคนะ แต่อยากให้เรียกอย่างอื่นบ้างนี่นา *บอกแล้วว่าไหนๆ เขียนฟิคเป็น AU ทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม*

อนึ่ง เสียจื่อ (=นายบอด) มาจาก เฮยเสียจื่อ แต่ทับศัพท์ไทยแล้วไม่น่ารักนี่นา *งอแง* อันนี้เห็นคนจีนเขาเรียกกันในฟิคเฮยเหมิงทางโน้น ตอนอ่านว่าเสียจื่อแล้วรู้สึกน่ารักขึ้นมา *ตาบอดแล้ว ฉันตาบอดแล้ว*

เป็นเรือไม้จิ้มฟันตาบอด โปรดอย่าสนใจ แถมแอบโปรยฮัวเสียอีก *เอาเข้าไป*

เราชอบ ฮัว → เสีย ← ซิ่วซิ่ว นะคะ แต่เรือหลักเรายังเป็น ผิง ↔ เสีย น้า~ แค่ชอบแบบเสี่ยวฮัวรักคุด *แค่ก*

ตอนนี้ถือว่าข้ามภาคการฝึกฯ ไป คิดว่าคงได้กลับมาย้อนแหละค่ะ นอกจากนี้ยังอยากเขียนภาคงานโรงเรียน แล้วยังต้องย้อนเจ็ดเรื่องหวีดๆ หยองๆ อีก อุ เยอะไปโม้ดดดด

ว่าไปก็ยอดวิวของบล็อคนี้ก็ครบ 10k แล้ว ขอบคุณนักอ่านที่สนับสนุนนะคะ โดยเฉพาะคอมเม้นต์และแฟนอาร์ต รู้สึกมีกำลังใจมากๆ เลยค่ะ ฮึบ

สำหรับของตอบแทน ไม่มีอะไรจะให้ แต่เชิญโหวตชุดออกงานท่านประธานอู๋ตามสบายนะคะ คนละหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงโปรดใช้ให้เต็มที่ ←



(เบื้องหลัง)

"เธอจะฉลองหมื่นวิวด้วยเฮยเหมิงเหรอ"

"ฉันกลับไปใส่ผิงเสียเพิ่มก็ได้ ฮือ"

"ไม่ต้องคิดมาก เฮยเหมิงเธอยอดวิวรวมกันสู้ผิงเสียไม่ได้สักอัน"

"ฉันกลับไปเขียนผิงเสียก็ได้้้้ แงงงงง" #แจวเรือเล็กก็ต้องดูแลตัวเอง

สุดท้าย เพื่อเห็นแก่ 10k เราเลยใส่ตัวละครเท่าที่นึกออกมาเสียเลย ฮ่า ซวยไปนะคะอาสาม /โดนตี

7 ความคิดเห็น:

  1. แมลงด้วงสเปนโกะ♥16 กันยายน 2557 เวลา 12:49

    แง้ อาสามอาเซี่ยน่ารักกกกกก อารองเรียกว่าเสี่ยวหวนดั้วะ แอ๊♥


    ชอบโมเม้นต์ตอนผิงเสีย แง ท่านประธานตลกกกกก นักเรียนกับครูโรงเรียนนี้เขาใช้เมล็ดทานตะวันเป็นอาวุธกันเหรอคะ ดีดใส่กันแล้วล้มกลิ้งเนี่ย 5555 เอฟเฟกต์ระเบิดตระการตาด้วยมั้ย (หยุด..)

    ชอบตอนจบ แงงงง น้องฮัววววว ขอชุดกี่เพ้านี่แหละ นายจะจับสมาชิกแต่ง นายก็ต้องแต่งด้วยยยยย ;_; เพิ่มเอกซ์ตร้าติดหูกระต่ายบนหัวด้วยค่ะ แง ถ้ามีเสี่ยอ้วนใส่กี่เพ้าปริ.... *แค่ก* ขอแค่นี้แล้วกันค่ะ 5555

    ตอบลบ
  2. หน้ากากด้วงใส่ไปนานๆก็ถอดไม่ได้แล้วโกะ16 กันยายน 2557 เวลา 17:35

    แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ เลิ๊ฟนะค๊ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ ♥♥♥♥♥♥♥

    อาสามอาเซี่ยฟรุ๊งฟริ๊งเฟี๊ยวฟ๊าวมาก แง อ่านถึงดายอิ้งเมสเสจแล้วพ่นเลือดออกมาเลยค่ะ 555555555555

    อารองอ๊ะ! ตามไปทำไมอ๊ะ! อริ๊! เกิดอะไรขึ้นอ๊ะ!!!

    เสี่ยวอู๋ นายแค่เป็นกี่เพ้าเฟติชใช่มั้ย แล้วระหว่างที่เพื่อนติดผู้ชาย *แค่ก* เหลาห*าง ร้องไห้ทำไม 555555555555

    ตอบลบ
  3. หน้ากากด้วงใส่ไปนานๆก็ถอดไม่ได้แล้วโกะ16 กันยายน 2557 เวลา 17:37

    อุ.. ลืมโหวตชุดออกงาน ...อืออออาาาาาา เลือกไม่ถูกเลยค่ะ

    /ติดกับดักอยู่ในจินตนาการของตัวเอง←

    ตอบลบ
  4. แต่งกี่เพ้ากันทั้งชมรมเลยดีมั้ยคะ //ฮา

    พ่วงเสี่ยอ้วนไปด้วยหนึ่งคน รายนั้นสั่งตัดไซส์พิเศษ //ผลาญเงินชมรมสิ้นดี //หลุดจากวังวนความคิดเพี้ยนๆของหล่อนเดี๋ยวนี้นะ

    ชอบบรรดาอาจารย์บ้านสกุลอู๋สกุลเซี่ยจังค่ะ น่ารัก เอื้ออออ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ22 กันยายน 2557 เวลา 05:02

    อยากเห็นหนุ่มๆแต่งกี่เพ้าค่ะ ฮิฮิ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ25 กันยายน 2557 เวลา 05:56

    นายน้อยฝึกเหมิงเหมิงน้อยมาใช้ได้เลยนะคะ เผลอ ๆ จะเข้าอกเข้าใจบรรดามนุษย์ประหลาดดีกว่าลูกพี่ซะอีก

    ตอบลบ
  7. หวังเหมิงน่าร้ากกก อยากอ่าน เฮยเหมิง อีกเยอะๆ เลยค่ะ
    เข้าอกเข้าใจอาเฮยดีแท้ ><

    ตอบลบ