วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[Daomu Fan-fiction][瓶邪] Preview: hair 1

 

"hair"
ตอนที่ 1

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)
Note: เป็นพรีวิวของเรื่องยาวที่จะลงในเล่มค่ะ จะลงบนเว็บเฉพาะครึ่งแรกของเรื่องเท่านั้น ส่วนที่เหลือเจอกันในเล่มค่ะ ถ้าไม่กลัวค้างก็อ่านต่อได้เลยจ้ะ


**Spoiler Warning**




เรื่องนี้ไม่มีหัวมีท้าย กล่าวคือรู้ตัวอีกทีผมก็พบว่ากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียงห้องนอน เสื้อผ้ายับยู่หลุดลุ่ย เข็มขัดเหวี่ยงกองอยู่กับพื้น

ถัดจากเข็มขัดบนพื้นไปคือเตียง และบนเตียงมีร่างเปลือยเปล่ากำลังหลับสนิท นอนหลับตาพริ้ม จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเขาคนนั้น...

เมินโหยวผิง

ไม่สิ จะเรียกว่าเมินโหยวผิงก็คงไม่ถูก แม้ร่างนั้นจะเป็นคนคนเดียวกับนายจางฉี่หลิง แต่กลับไม่ใช่เมินโหยวผิงหรือเสี่ยวเกอที่ผมรู้จักเสียทีเดียว เพราะชายที่นอนหลับอยู่ตรงนั้นมีผมเผ้ายาวสยาย เส้นผมสีดำทอดแผ่บนเตียงตามความยาวของร่างกาย ตัวของเขาผอมบอบบาง มองผ่านๆ เหมือนสาวน้อยที่โดนคำสาปให้หลับใหล นอนหลับตานิ่งเหนือผืนพรมสีดำสนิท รอใครสักคนมาปลุกจากห้วงนิทราที่กินเวลาอดีตกาลนานปี

นี่มันเหมือนกับฉากในละคร แถมเป็นฉากฟันแล้วทิ้งเสียด้วย

ผมนิ่งค้างกับภาพที่เห็น อย่างที่ผมรู้คือเรื่องนี้ไม่มีหัวมีหาง ผมมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร...หมอนี่มานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร...แล้วทำไมพวกเราถึงอยู่ในสภาพนี้ ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด

แต่ผมกลับไม่ตื่นตูมอย่างที่คิด เหมือนร่างกายได้รับการฝึกฝนจนชินให้ต้องเผชิญกับเรื่องชวนใจหายใจคว่ำบ่อยๆ จนรู้สึกคุมสติอยู่ได้แล้ว แค่เจอเมินโหยวผิงผมยาวนอนเปลือยในห้องตัวเองยังน่ากลัวน้อยกว่าเจอแต่ละศพแต่ละบ๊ะจ่างตอนลงกรวยแน่นอน ผมจึงยังใจเย็น ใช้เวลาอัดบุหรี่เข้าปอดก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อโค้ตหนาสีน้ำตาลที่แขวนไว้ริมห้องมาคลุมให้เขา

แต่เข้าไปใกล้ได้ไม่กี่ก้าวผมก็พบว่าตัวเองหยุดนิ่งอยู่กับที่ ร่างกายของผมหยุดชะงัก มือไม้เกร็งจนขยับไม่ออก สิ่งนี้คือปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปจากร่างของเมินโหยวผิง

มันคือเส้นผม

เส้นผมยาวสยายจากด้านหลังของเขาแผ่กินพื้นที่ไปครึ่งเตียง ในทีแรกผมยังไม่รู้สึกอะไร เพราะคิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็แค่เมินโหยวผิงเวอร์ชั่นผมยาว ชะล่าใจไปว่าผมยาวบนหัวคนเป็นคงทำอันตรายต่อจิตใจผมได้ไม่เท่าไหร่ แต่กลับลืมคิดไปว่าพอเป็นท่านอนแล้วผมจะแผ่ยาวสยาย ดูชอนไช ดูพร้อมเจาะทะลุทุกสิ่งได้ปรุโปร่ง ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งทำให้ผมวิตกกังวลหนัก

โดยเฉพาะเมื่อร่างตรงหน้ามีผิวขาวซีด นอนนิ่งตัวแข็งทื่อเหมือนคนตาย แถมผมทุกเส้นก็ยาวเฟื้อยผิดธรรมดา ภาพตรงหน้ากำลังปลุกความทรงจำอันน่าสะพรึงที่ซีซาและโกลมุด ภาพใกล้ชิดแทบจ่อลูกตาตอนที่เผชิญหน้ากับผีแม่ย่าหน้าซีดขาวกำลังไหลบ่าเข้ามาในหัว เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ

ถึงปู่จะสอนว่าจะทำอะไรต้องเป็นฝ่ายรุก แต่มีเรื่องนี้เท่านั้นที่ผมรุกไม่ลง เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางคลุมตัวให้เขาแน่ ถ้าเขาจะคลุมต้องลุกขึ้นมาหยิบไปคลุมเองเท่านั้น

"เสี่ยวเกอ...เสี่ยวเกอ"

ผมลองเรียก ไม่มีปฏิกิริยาจากร่างนั้น ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ด้วยสภาพการณ์ ในห้องเงียบกริบ อีกร่างนอนนิ่งไม่ไหวติง ผมเริ่มสงสัยว่าคนตรงหน้านี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่...คงไม่ใช่ว่าเมื่อคืนผมนอนกับศพจางฉี่หลิงหรอกนะ

"เสี่ยวเกอ! จางฉี่หลิง! นายเหม่งจาง!" เรียกแม่งให้ครบทุกชื่อ "นักศึกษาเสี่ยวจาง! คนใบ้จาง! อาคุน!!"

เสี่ยวเกอไม่ขยับ ผมเครียดหนัก เริ่มสงสัยว่าคนคนนี้อาจไม่ใช่เมินโหยวผิง เพราะหากใช่เขาควรมีปฏิกิริยาทันที เสี่ยวเกอไม่ใช่คนหลับลึก ถ้านี่ไม่ใช่ศพของจางฉี่หลิง ก็เป็นไปได้ว่าอาจเป็นใครสักคนที่ใส่หน้ากากหนังมนุษย์มานอนอยู่ตรงนี้ ...ไอ้ฉิบหาย แล้วสภาพเลอะเทอะเละเทะในห้องนอนแบบนี้ผมจะอธิบายยังไง เมื่อคืนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น (ไม่ว่าจะเกิดอะไร กับใคร และใครเป็นฝ่ายทำอะไรใคร) ใช่ไหม? ผมอยากให้ร่างตรงหน้าลุกขึ้นมายืนยันกับผมไม่ว่ามันจะเป็นใคร

พลันผมเกิดความคิดอันสุดโต่งขึ้นมา ทำเป็นมองข้ามเส้นผมที่แผ่นิ่งสงบบนเตียง ค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ร่างที่หลับใหลนั้น ไม่กล้าแม้แต่สูดหายใจลึก

คนเราก็เป็นเช่นนี้ เมื่อมีความกลัวกังวลที่หนักอกกว่า ปัญหาเก่าก็พลันกลายเป็นเรื่องเล็กกระจิริด

"ขอโทษนะ เสี่ยวเกอ" ผมกระซิบ ก่อนจะเอื้อมมือไปที่หลังใบหูของชายที่หลับสนิท

ทันใดนั้นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นในสายตาของผมคือศีรษะหมอนั่นขยับหนีมือผม แต่ในชั่วพริบตาต่อมา ผมก็รับรู้ว่าเป็นมือของผมต่างหากที่โดนดึงออกไป ชายผมยาวลุกขึ้นจากเตียงแทบจะในทันที พร้อมกับฉวยคว้าข้อมือของผมเอาไว้ด้วยเรี่ยวแรงดุจคีมเหล็ก ถ้าเขาออกแรงอีกนิด กระดูกแขนผมอาจหักละเอียดคามือ

บัดนี้ชายผมยาวลืมตา สายตาเย็นยะเยียบดุดันดั่งสัตว์ร้ายจ้องเขม็ง ในหัวผมส่งสัญญาณร้องเตือน แบบนี้ไม่ดีแล้ว! ผมสะบัดมือออก เตรียมเผ่นเต็มที่ แต่ไม่เกิดการเคลื่อนไหวใดๆ ต่อจากนั้น มือของเขาที่มีสองนิ้วยาวยังล็อกข้อมือผมอยู่กับที่ กลับกลายเป็นผมที่อยู่ในท่วงท่าตลกประหลาด จะวิ่งหนีก็ไม่ขยับ จะเผชิญหน้าก็ยิ้มไม่ออก ดูไม่เข้าที

"...เสี่ยวเกอ ตื่นแล้วเหรอ" ผมฝืนตีหน้าซื่อกลบเกลื่อน เสียงแหบแห้งติดขัดในลำคอ หัวใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงตึบตึบก้องในหัว ร่างกายเตรียมพร้อมเข้าโหมดใส่เกียร์หมาวิ่งสี่คูณร้อยเมตรในชั่วพริบตา

"นายเป็นใคร?" ร่างนั้นถามกลับเสียงต่ำ

เสียงของเขาแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ แต่เป็นการกระซิบด้วยความดุดันเหมือนขู่คำราม แตกต่างสุดขั้วกับน้ำเสียงราบเรียบของนายเมินโหยวผิงหน้าง่วงที่ผมเคยชิน ในใจผมกรีดร้องไปอีกระดับ ไอ้ฉิบหายวายป่วง ทักคนผิดเป็นแน่แล้ว!

"ฉัน..." ยังตอบไม่ทันจบคำก็พบว่าโลกหมุนพลิกกลับ

ผมโดนนายนั่นเหวี่ยงลงไปที่เตียง เส้นผมยาวสยายของเขา ผ้าห่มบนเตียง ตลอดจนเสื้อคลุมในมือของผมเองเหวี่ยงเปะปะปนกันจนมองอะไรเป็นอะไรไม่รู้เรื่อง รู้ตัวอีกที มืออีกข้างที่เหลือของผมก็โดนเข่าเปล่าเปลือยของเขากดทับ ไหล่ของผมโดนมืออีกข้างของเขากดตรึงลงกับเตียง กลายเป็นขยับเขยื้อนไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"ไอ้บัดซบ! นาย...มึง" ผมกัดฟันกรอด

ใบหน้าที่เหมือนเมินโหยวผิงจ้องมองกลับมา สายตาคู่นั้นยังคงไม่ลดความอันตราย ภายในสีดำนั้นช่างว่างเปล่าเหมือนหลุมลึกที่อาจเชื่อมต่อไปถึงนรก ผมทนมองได้แค่เพียงผ่านๆ ไม่กล้าสบตาเขาเต็มๆ ตา

นี่มันไม่ใช่เมินโหยวผิง สายตาว่างเปล่าของเมินโหยวผิงไม่ใช่หลุมนรกกลวงเปล่าแบบนี้!

ผมเผลออ้าปากค้าง ชั่วขณะที่ยังนึกคำด่าไม่ออกใบหน้านั้นก็โน้มลงมาใกล้ ผมรู้สึกได้ถึงอันตรายจึงรีบหุบปาก กัดฟันแน่น คิดในใจว่ามึงลองเข้ามาใกล้อีกสิ กูจะกัดจมูกมึงให้แหว่ง

แล้วเขาก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมจริง แต่ไม่ได้ก้มลงมาตรงๆ ใบหน้านั้นขยับเอียงไปใกล้ๆ ดวงตาผม ใช้ปลายจมูกดุนดันแว่นตาของผมสองสามทีจนแว่นหลุดผล็อยไปด้านหลัง ลมหายใจที่เป่ารดใบหน้าและสันจมูกที่ชนกันเบาๆ ทำให้ผมจักจี้จนเผลอตีเข่าใส่ร่างที่อยู่ด้านบน แต่ไอ้หมอนี่ไม่สะทกสะท้าน สักพักก็ขยับขาอีกข้างขึ้นทับ กดขาผมกลับลงไปอย่างง่ายดาย

ผมร้องในใจ ตายละวา เรื่องเมื่อคืนเกิดอะไรยังไม่ทันได้รู้เรื่องชัด แม่งจะเกิดเหตุแทรกซ้อนอะไรขึ้นนักหนา รู้งี้ตอนยังใจเย็นยืนสูบบุหรี่ หยิบปืนมาสักกระบอก ลั่นโป้งใส่ให้จบเรื่องไปก็ดี

ระหว่างที่คลื่นความคิดในสมองหมุนวนราวพายุบ้าคลั่ง ผมพบว่าชายตรงหน้าก็หยุดชะงักไปเหมือนกำลังเพ่งพิจารณาตัวผม ผมเห็นเป็นโอกาสดี งูที่ทำได้เพียงเลียนเสียงภาษาคนนั้นเจรจาไม่ได้ แต่หมอนี่รู้ภาษาคน อาจเจรจาได้

"นาย..."

หมอนั่นพุ่งหน้าเขาใส่ผมอีกครั้ง รวดเร็วและรุนแรง รอบนี้เขากดหน้าลงบริเวณซอกคอผม ปลายจมูกและริมฝีปากซุกไซ้เวียนวน เพียงพื้นที่เล็กๆ ที่ถูกสัมผัสก็ส่งผ่านความสะท้านแผ่ไปทั่วร่างกาย ผมตัวเกร็ง พยายามหดคอหนี ด่าทอในใจว่ายังพูดไม่จบคำเลยว้อย!!

เขาเวียนวนซุกหน้าเข้าๆ ออกๆ แถว ลำคอและช่วงใต้คางของผมหลายครั้ง ใบหน้าเขาแตะโดนแถวลูกกระเดือกทีผมก็เสียวที ลมหายใจผมขาดห้วง ทุกจังหวะที่เผลอกลั้นหายใจก็เหมือนถูกกระชากทุกสัมผัสอารมณ์ลึกลงไปถึงช่วงท้อง ว่ากันตามตรง ถ้าหมอนี่ไร้เรี่ยวแรงสมกับขนาดตัวสักหน่อยป่านนี้คงโดนผมดีดขาเตะกลิ้งโค่โล่ไปหลายรอบแล้ว ท่วงท่านั้นเสมือนสัตว์ที่กำลังก้มๆ เงยๆ สำรวจบางสิ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทดลองสูดกลิ่น แตะ สัมผัส เวียนวน ...ดีนะแม่งไม่ชิมรสกูด้วย

ผมพลันก็รู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา ไอ้หมอนี่ท่าจะติดใจลำคอผม แต่ติดใจอะไรล่ะ? ผมขืนตัวพยายามก้มมอง เขานึกว่าผมจะดิ้นหนี ยิ่งเพิ่มแรงที่กดผมมากขึ้นอีกโดยที่ยังคงสำรวจลำคอผมด้วยความสนอกสนใจต่อเนื่อง ท่าทางแบบนั้นทำให้นึกถึงเมินโหยวผิงตอนสำรวจสุสาน ตอนที่จุดตะบันไฟ ยื่นมือชะโงกหน้าไปสำรวจโพรงถ้ำหรือหลืบซอกต่างๆ โดยเมินเฉยต่อสภาวะรอบข้างและบรรดาคนรอบตัวโดยสิ้นเชิง

รู้ตัวอีกทีเขาก็ปล่อยมือจากหัวไหล่ สองนิ้วยาวยกขึ้นมาสัมผัสที่กลางลำคอของผมแทน เล่นเอาผมถึงกับช็อกจนตัวแข็งเพราะนึกว่าจะโดนบิดคอตายในวินาทีนั้น

เมื่อสองนิ้วลูบไล้ไป ผมก็รู้สึกเหมือนมีเส้นเนื้อนูนพาดขวางที่กลางคอตามเส้นทางที่นิ้วของเขาลากไปด้วย ไม่รู้ว่ามีอยู่ก่อนแล้วหรือเขาทำอะไรกับผม รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง ผมก้มหน้าลงไปมองอีกครั้ง เราสบตากัน

"เสี่ยวเกอ" ผมหลุดปากเรียกเช่นนั้น

พลันเขาก็โถมตัวเข้ากอดร่างของผม เชี่ย หนัก หนักโว้ย! โดนล็อกจนแทบไม่มีแรงอยู่แล้วยังจะทับลงมาอีก ไอ้บ้านี่สมองยังดีอยู่หรือเปล่า

"นาย...โปรด...กอดฉัน" เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบที่ข้างใบหู ชายผมยาวกดริมฝีปากเข้าที่ขมับของผมเหมือนกำลังจุมพิต ผมพยายามเหลือบตามอง ไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไร แล้วริมฝีปากของเขาก็ย้ายมาแตะๆ ที่แก้ม ที่ใต้คาง ไล่มายังริมฝีปากล่างของผม

เหมือนกำลังเรียกร้องให้ผมจูบ...

ไอ้บ้านี่ประสาทกลับแน่ๆ แต่ผมเองคงประสาทกลับยิ่งกว่าที่มึนเมาไปกับการสัมผัสนั้น ผมเผยอปากตอบรับ พลันสิ่งหนึ่งก็สอดเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง

มันคือกลุ่มเส้นผมมหาศาล

"ไอ้xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx!!"




×××

TBC: Part 2






Talk Time:

ยังเป็นผิงเสียค่ะ ยังเป็นผิงเสีย *หัวเราะ* มีเหม่งจางไปแล้ว มีนักศึกษาจางไปแล้ว ทายออกมั้ยคะว่าหนุ่มผมยาวคนนี้เป็นร่างไหน (เหอ?) ของเมินโหยวผิง...แอ๊ะ จริงๆ ไม่ต้องทายก็ได้ มีอยู่คนเดียวค่ะที่ผมย้าวยาวแถมไม่ใส่เสื้อผ้า อาคุนแหละค่ะ อาคุน *อุดกำเดา* (ถึงตอนจบจะตัดตอนแบบพาแหกโค้งลงข้างทางก็ตาม สวัสดีผีแม่ย่า)

ส่วนตอนจบ ถ้านึกไม่ออกว่าล้ออะไร ลองกลับไปเปิดบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน เล่ม 1 ตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา ตรงบทที่ 37 ในอุโมงค์โจร ดูนะคะ♥

แง พอพูดถึงผมยาวปุ๊บ ก็นึกถึงฉากนี้ปั๊บเลยค่ะ คือเราคิดว่า ถ้าเป็นเทียนเจินอู๋เสียเนี่ย พอเจออาคุน ต้องเป็นซีนขยะแขยงเส้นผมยาวเฟื้อยมากกว่ามานั่งโรแมนติกแน่ๆ เพราะฉะนั้นต่อให้เคลิ้มแค่ไหนก็ต้องโดนตัดฟีล ไซด์โค้งพุ่งลงข้างทางแหงแก๋ค่ะ อุแหะ *โดนคนอ่านโห่ไล่* จะว่าไปเรื่องนี้เขียนก่อนที่จะเห็นพรีวิวของมังฮวาบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน (คอมิคจีน) เล่ม 6 อีกค่ะ อันนั้นผีแม่ย่าสวยเข้มมาก เห็นแล้วนึกถึงอาคุนเหมือนกัน *โดนเสี่ยวเกอบนปกเอาปืนยิงยัยด้วงนี่ทิ้ง*

ก็...เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องยาว (คิดว่ายาวนะ) ที่จะลงในรวมเล่มฟิคของ IronY Triangle ค่ะ ตั้งใจจะตัดตอนลงเป็นพรีวิวในบลอคเฉพาะ 5 ตอนแรกของเรื่อง hair ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องฝั่งเทียนเจิน ส่วนในเล่มจะมีต่ออีกนิดหนึ่งค่ะ เป็นเนื้อเรื่องส่วนที่กั๊กไว้เจอกันในเล่มนะคะ

(แปลความหมายย่อหน้าข้างบนแบบตรงไปตรงมา: เรื่อง hair นี้จะลงไม่จบ อยากอ่านจนจบก็ซื้อสิจ๊ะ → ลิงก์รายละเอียดการพรีออเดอร์) หรือถ้าหากยังไม่ตัดสินใจ เรายังมีพรีวิวอีก 4 ตอนให้ท่านอ่านประกอบการตัดสินใจค่ะ จะทยอยมาอัพนะคะ (/・ω・)/ ~

1 ความคิดเห็น:

  1. กำลังเคลื้มตาม
    ตัดจบถึงกลับหน้าทิ่มเลยทีเดียวเจ้าค่ะ TAT
    ขอเวลาเก็บเงินแปปนะคะจะสอยแน่นอนค่ะ

    ตอบลบ