วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[Daomu One-shot][瓶邪] Ink Sun

 

"Ink Sun"

 

Daomu Biji (Grave Robbers’ Chronicles) One-shot Fan-fiction
Pairing: 瓶邪 ผิงเสีย (เมินโหยวผิงxอู๋เสีย)

เซ็ตเทศกาลชมดอกไม้: ดอกหลี || ดอกหมู่ตาน || ดอกเหมย || ดอกเบญจมาศ || ดอกอิง

**Spoiler Warning**


ผมมีเหตุให้ต้องมานั่งทำหน้าคล้ายคนจะเป็นลมอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองจางโจว

ภายในห้องมีเพียงผมและเสี่ยวเกอเพียงลำพัง บรรยากาศระหว่างพวกผมสองคนควรเรียกว่าเลวร้ายจนไม่รู้จะเลวอย่างไรแล้ว

ทำไมน่ะหรือ? แต่นอนว่าย่อมมีสาเหตุ เรื่องก่อนนี้มีอยู่ว่า...ผมเมา

ผมเมาไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือสิ่งที่ผมทำลงไปตอนเมา เริ่มจากปีนขึ้นไปบนตัวเสี่ยวเกอ ปลดเสื้อเขา แตะจูบบนร่างกายอย่างมุ่งมาด เขาจะขยับตัวก็ทำเสียงชี่ๆ เป็นการห้าม

ครั้นทำให้กิเลนปรากฏขึ้นบนร่างของเขาได้สำเร็จ ผมที่หอบหายใจหนักๆ ก็ค่อย ดึงสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋า...

แล้วผมก็บรรจงวาดริบบิ้นผูกบนเขากิเลนของเขา

"..." หลังจากนั้นก็มีเพียงความเงียบงัน



สภาพของคืนนั้นชีวิตผมจบลงเช่นไร ผมไม่ขอกล่าวถึง เพียงแต่ปากกาแท่งนั้นเป็นหมึกกันน้ำ เมื่อกิเลนหายไป บนผิวของเสี่ยวเกอก็ปรากฏริบบิ้นสีแดงบนผิวเนื้อสีขาว คิกขุไม่เข้ากับเขาเลยสักนิด แต่ผมรู้ดีว่าหากหัวเราะออกไป ผมคงไม่มีโอกาสได้หัวเราะอีกเป็นครั้งที่สอง

เรื่องราวชวนมึนตึงของผมยังไม่คลี่คลายดี ผมก็มีเหตุให้ต้องเดินทางมาจางโจว จึงได้แต่หอบเสี่ยวเกอมาด้วย หวังว่าจะใช้ช่วงเวลาแห่งการท่องเที่ยวปรับความเข้าใจ

เพียงแต่ความจริงบางครั้งสวนทางกับจินตนาการเสียเหลือเกิน

สภาวะของผมในยามนี้ หากต้องบรรยายคงคล้ายเหมือนมีใครจับผมกรอกน้ำร้อนลวก พร้อมแช่ทั้งร่างในช่องแช่แข็งในเวลาเดียวกัน

ด้านนอกฝนตกหนักจนออกไปไหนไม่ได้ ทางเลือกที่มีคือทนทุกข์ทรมานอยู่ในห้องอันแสนอึดอัดกับเขาเพียงลำพังสองต่อสอง ครั้นอยากเดินไปขอจองห้องเพิ่มก็พบว่าการจะเดินออกต้องตัดผ่านเสี่ยวเกอที่นั่งเหม่อขวางประตูไป ผมไม่สู้อยากทำเท่าไหร่

"ฝนตก แย่เลยนะ" ผมโพล่งออกมา

"..." ...เงียบ

"น่าเสียดายนะ ถ้าแดดออก เราจะได้ออกไปเดินเล่นด้วยกัน"

"..." เป้าหมายยังคงเงียบใส่

"ที่นี่แม้จะไม่ใช่เมืองหลักของมณฑลฝูเจี้ยน แต่ก็มีที่ที่น่าสนใจไม่น้อย" ผมเริ่มพล่ามไปเรื่อย

"นายอยากเดินเล่นมาก?" ในที่สุดเขาก็ยอมคุยกับผม แต่น้ำเสียงฟังดูไม่สู้ดีเท่าไหร่

"เปล่า เปล่า...แค่อยู่เฉยๆ กลัวนายจะเบื่อ ฉันแค่อยากเห็นพระอาทิตย์น่ะ ใช่แล้ว...แค่อยากเห็นพระอาทิตย์" ท้ายประโยคผมเพียงงึมงำ

"ฉันไม่เบื่อ" เขาตอบ ก่อนจะกลับไปเหม่อลอยต่อ แม้ท่าทางนี้จะปกติ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างนั้นทำเอาผมจะประสาทกิน

หลังทนกับบรรยากาศอึดอัดอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดผมก็ถึงคราวสติแตก

"เสี่ยวเกอ ฉันขอโทษ!" ผมร้องตะโกนออกมา จากนั้นก็หยิบเอาปากกาหมึกกันน้ำทั้งกำส่งให้เขาพร้อมยื่นอกที่ปลดกระดุมเสื้อเรียบร้อยแล้ว "มาเลย นายมาวาดรูปบนร่างกายของฉันได้ตามสบายเลย"

นี่เป็นวิธีการไถ่โทษที่ผมคิดเอาไว้ อันที่จริงรู้สึกงี่เง่าเล็กน้อยกับการไปนั่งเลือกปากกาสีมาเพิ่ม แต่มาถึงตอนนี้ เป็นไงเป็นกันแล้ว

"..." เสี่ยวเกอลุกขึ้น ก่อนเดินเข้ามาใกล้ผมที่ก้มหน้ามองพื้นโรงแรม

เดิมทีผมคิดว่าเสี่ยวเกอคงหันหลังให้ทำเป็นไม่สนใจ ไม่ก็บอกว่า 'ไม่เป็นไร' แต่คราวนี้ผิดคาด เขารับปากกาทั้งกำไปจากผม จากนั้นก็เอ่ยสั้นๆ "นอนลง"

ผมตัวเกร็ง ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวนอนลงอย่างว่าง่าย จากนั้นเสี่ยวเกอก็ปีนขึ้นมาคร่อมทับบนร่างของผม จากมุมมองเช่นนั้น ผมรู้สึกหนาววูบไปหมด ในสมองเกิดมีจินตนาการอย่างเช่นเขาสามารถใช้ปากกาต่างมีด ทิ่มผมให้พรุนทั้งร่างได้

ความคิดของผมฟุ้งซ่านไปหมด จนกระทั่งได้ยินเสียงดังป๊อก ก่อนจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบนหน้าท้องของตนเอง รู้สึกจักจี้เล็กน้อย

เมื่อมองดูก็เห็นเสี่ยวเกอกำลังวาดรูปอะไรบางอย่าง สีหน้าของเขาตั้งใจมากเสียจนผมไม่กล้าถาม

แล้วผมที่นอนว่างๆ สักพักก็เผลอหลับไป ในฝันมองเห็นภาพเสี่ยวเกอวาดฝูงลูกเจี๊ยบเป็นการแก้แค้น



ผมลืมตาตื่นอีกครั้งพบว่าเป็นยามเช้าแล้ว ฝนเองก็หยุดตกเป็นที่เรียบร้อย หลังนอนเหม่อลอยได้สักพัก ผมก็นึกขึ้นได้ รีบถกเสื้อของตนเองขึ้น มองดูหน้าท้อง

เดิมทีคิดว่าเสี่ยวเกอคงวาดรูปประหลาดแก้แค้น แต่ไม่ใช่...เป็นดอกไม้

ดอกไม้มีห้ากลีบ ใจกลางกลีบดอกรวมกันดูคล้ายรูปถ้วย ฝีมือทางศิลปะของเสี่ยวเกอนับว่าไม่เลวเลย มองปราดเดียวผมก็ดูออกว่าเป็นดอกอะไร

"สุ่ยเซียน?" ดูเหมือนเวลานี้จะเป็นช่วงที่ดอกไม้ชนิดนี้กำลังเบ่งบานพอดี ช่วงนี้จึงได้เห็นผ่านตาอยู่หลายครั้ง

ยังไม่ทันได้คิดสงสัยอะไร เสี่ยวเกอก็ออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเรียบร้อย เขาสบตาผม แต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่อาจเพราะอยู่กับเขามานาน จึงสัมผัสได้ว่าความครุกรุ่นก่อนนี้สลายไปหมดสิ้นแล้ว

ผมจึงเป็นฝ่ายเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำบ้าง ขณะนั้นก็มองกำแพงโล้นๆ ตรงหน้าด้วยความฉงน

น่าแปลก? จากตำแหน่งตรงหน้า คล้ายก่อนหน้านี้เคยมีกระจกตั้งอยู่ แต่กลับเหลือเพียงกำแพงว่างเปล่า ผมคิดว่าเสี่ยวเกอไม่มีเหตุผลอันใดให้ต้องนำกระจกไปซ่อน จึงคาดเดาว่าแขกคนก่อนหน้าอาจออกอิทธิฤทธิ์ ทำกระจกแตกจึงต้องนำออกก็เป็นได้

เมื่อคิดดังนั้นผมจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า อดมองดอกสุ่ยเซียนที่วาดด้วยหมึกบนหน้าท้องตัวเองไม่ได้

สุ่ยเซียนฮวา...ทำไมถึงต้องเป็นดอกสุ่ยเซียน?

...เสี่ยวเกอคงไม่ได้จะบอกอะไรผมเป็นนัยๆ ใช่ไหมนะ

ภายในหัวผมเต็มไปด้วยความคิดเลอะเทอะ หมู่นี้ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเทอะหนักกว่าแต่ก่อน เพียงแต่เก็บสีหน้าได้ดีขึ้น จึงดูเหมือนเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนสุขุม

ครั้นแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกมาสบทบกับเสี่ยวเกอ จากนั้นก็ชวนเขาออกไปหาอาหารเช้า

วันนี้มีคนมองมาที่ผมเยอะเป็นพิเศษ ซ้ำยังหัวเราะคิกคัก ผมเริ่มเกิดความสงสัย ครั้นเหลือบมองเสี่ยวเกอ เขาก็ยังปกติดีทุกประการ เมื่อลองยกมือคลำศีรษะตนเองก็พบว่าไม่ได้มีเขางอกหรืออะไรทั้งสิ้น

หรือเสื้อผมจะโปร่งแสง มองเห็นภาพบนหน้าท้อง?...ผมถามตัวเองในใจก่อนก้มลงมองดูตนเอง ขณะนั้นเอง เงาสะท้อนรางๆ จากหัวเข็มขัดก็ทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้สะดุ้งโหยง

ผมรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่องหน้า จากนั้นก็อ้าปากค้าง

...บนใบหน้าของผม บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยคล้ายเด็กวาดเล่นดูน่าขันไปหมด

ร่างของผมสั่นระริก ทันใดนั้นก็นึกถึงกระจกที่หายไปในห้องน้ำ ก่อนร้องตะโกน

"จาง--ฉี่--หลิงงงงงงงงง!"




+++

END
17/12/2014





1 ความคิดเห็น:

  1. จาง--ฉี่--หลิงงงงงงงงง! ฮ่าๆๆๆ
    จาง--ฉี่--หลิงงงงงงงงง! อีกแล้ว
    นายนี่แสบใช้ได้ =w=d

    ตอบลบ